“ความซับซ้อนและความยาก ของปัญหาความมั่นคงแห่งชาติ ที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก” สีกล่าวเมื่อวันอังคาร (30 พ.ค.) ในการประชุมของคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีน “เราต้องยึดถือในการคิดแบบได้ผลสรุป และการคิดในฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด และเตรียมความพร้อมรับกับการทดสอบครั้งใหญ่ ทั้งลมแรงและคลื่นที่รุนแรง และแม้แต่กระทั่งทะเลพายุเดือดและอันตราย” สีกล่าวเสริม
คำสั่งอันเข้มงวดของสีในครั้งนี้ มีขึ้นในขณะที่จีนกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ตั้งแต่การดิ้นรนทางเศรษฐกิจ ไปจนถึงสิ่งที่จีนมองว่าเป็นสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศ ที่เกิดการเผชิญหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ในการเผชิญหน้ากับสิ่งที่สีเรียกว่าสถานการณ์ที่ “ซับซ้อนและหนักหน่วง” สีกล่าวว่าจีนต้องเร่งปรับปรุงระบบและขีดความสามารถด้านความมั่นคงของชาติให้ทันสมัย โดยมุ่งเน้นไปที่การทำให้ “การสู้รบจริงและวิธีปฏิบัติใช้จริง” มีประสิทธิภาพมากขึ้นใน
สียังเรียกร้องให้จีนผลักดัน การสร้างระบบตรวจสอบความเสี่ยงด้านความมั่นคงแห่งชาติ และระบบเตือนภัยล่วงหน้า ยกระดับการศึกษาด้านความมั่นคงของชาติ และปรับปรุงการจัดการความปลอดภัยของข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่านับตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจเมื่อทศวรรษที่แล้ว สีได้ทำให้ความมั่นคงของชาติจีน เป็นกระบวนทัศน์หลักที่แทรกซึมไปอยู่ในทุกแง่มุมของการปกครองของจีน สียังได้ขยายแนวคิดเรื่องความมั่นคงแหง่ชาติให้ครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่การเมือง เศรษฐกิจ การกลาโหม วัฒนธรรม และนิเวศวิทยา ไปจนถึงพื้นที่ทางไซเบอร์ ที่ครอบคลุมตั้งแต่ใต้ทะเลลึก ขั้วโลก ไปจนถึงอวกาศ ตลอดจนการพัฒนาบิ๊กดาต้าและปัญญาประดิษฐ์
ภายใต้แนวคิดของสีบนประเด็น “ความมั่นคงแห่งชาติที่ครอบคลุม” จีนได้ออกกฎหมายหลายฉบับ เพื่อปกป้องตนเองจากภัยคุกคามที่ตนสัมผัสได้ รวมถึงกฎหมายว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย การต่อต้านการจารกรรม การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ องค์กรพัฒนาเอกชนต่างชาติ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ จีนได้ขยายขอบเขตของกฎหมายต่อต้านการจารกรรมที่กว้างขวางจากเดิมอยู่แล้ว จากแค่เนื้อหาในการปกปิดความลับของรัฐและข่าวกรองไปเป็น "เอกสาร ข้อมูล เนื้อหา หรือสิ่งของใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ"
ในส่วนของฮ่องกง ทางการจีนได้บังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติอย่างครอบคลุม เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง หลังจากการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่บนเกาะ นอกจากนี้ จีนได้หันหน้าหนีจากการเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ สู่การยกระดับประเด็นด้านความมั่นคงอย่างสุดขั้ว ทางการจีนยังได้จู่โจมบริษัทต่างชาติหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทที่ปรึกษา Bain & Company ของสหรัฐฯ และบริษัทตรวจสอบสถานะธุรกิจอย่าง Mintz Group
การบุกค้นดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวให้กับธุรกิจระหว่างประเทศ แม้ว่าจีนจะอยู่ในช่วงเวลาที่รัฐบาลจีนพยายามแสวงหาการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งถูกขัดขวางโดยมาตรการโควิดเป็นศูนย์เป็นเวลา 3 ปี นอกจากนี้ ในเดือน มี.ค. ทางการจีนได้ควบคุมตัวพนักงานชาวญี่ปุ่นของบริษัท Astellas Pharma ในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากต้องสงสัยว่ากระทำการเข้าข่ายจารกรรม ทั้งนี้ พนักงานคนดังกล่าวเป็นชาวญี่ปุ่นรายที่ 17 ที่ถูกควบคุมตัวในจีน นับตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎหมายต่อต้านการจารกรรมในปี 2557
ในการประชุมเมื่อวันอังคาร สีกล่าวว่าจีนต้องกำหนด “สภาพแวดล้อมภายนอกที่ปลอดภัย” ในเชิงรุก เพื่อรักษาความปลอดภัยของการ “เปิดประเทศ” ของจีนให้ดียิ่งขึ้น และ “ส่งเสริมการบูรณาการเชิงลึกของการพัฒนาและความมั่นคง”
ที่มา: