พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน ว่า ที่กำลังตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นจะแก้ปัญหาความขัดแย้งได้หรือไม่ และขออย่าว่าทหารไม่ดี แต่ให้ไปย้อนดูว่าการที่ทหารเข้ามายึดอำนาจนั้นเกิดจากอะไร ดูที่สาเหตุอย่างปัจจุบันที่นักการเมืองยังคงทะเลาะกันอ้างว่าสาเหตุมาจากรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฏหมายสูงสุด แต่ปัจจุบันรัฐธรรมนูญสร้างประชาธิปไตยได้จริงหรือไม่ ทำไมประเทศสหรัฐอเมริกามีรัฐธรรมนูญเพียงฉบับเดียวสามารถสร้างประชาธิปไตยได้
แต่ของประเทศไทยมันผิดหลักการ เพราะส่วนตัวมองว่ากฎหมายต้องเกิดหลังจากเหตุการณ์ ต่างประเทศต้องการประชาธิปไตยก็ต้องสร้างประชาธิปไตยให้ได้ก่อน แล้วค่อยสร้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฏหมายมาคุ้มครองประชาธิปไตย เพราะที่เรียกร้องกันทุกวันนี้มองว่าไม่ได้เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ว่าระบอบการปกครองของประเทศไหนหัวใจหลักสำคัญคือทำเพื่อประชาชนโดยประชาชน เมื่อนั้นประชาธิปไตยก็จะเกิดขึ้นเอง
พร้อมกันนี้ พล.อ.ชวลิต ยังมีข้อแนะนำ การทำงานของรัฐบาลว่าให้สนใจทำงานในเรื่องใหญ่ที่สำคัญต่อประเทศ ในส่วนเรื่องเล็กๆนั้น รัฐบาลมีการแบ่งการทำงานหลายฝ่าย นายกรัฐมนตรีผู้ที่มีอำนาจส่วนกลางสามารถบริหารจัดการแจกจ่ายงาน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปกำกับดูแลได้ ส่วนจะให้ตัวเองประเมินการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม
พล.อ.ชวลิต ย้ำว่าไม่สามารถไปประเมินหรือแสดงความคิดเห็นการทำงานของใครได้ เพียงแต่แนะนำการทำงานให้ได้เท่านั้น พร้อมยกตัวอย่างเรื่องการให้ที่ดินทำกินแก่ประชาชนซึ่งในสมัยที่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เขียนกฎหมายไว้ทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่ขับไล่ประชาชนออกจากพื้นที่ สำหรับประเด็นกระแสข่าวที่จะมีกลุ่มคนจะลงถนนเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยนั้น ย้ำว่า ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเพราะที่ผ่านมามีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้ว มีแต่ความเจ็บปวดและความขัดแย้ง ทะเลาะกันมา 87 ปีแล้ว
เมื่อถามว่าต้องการฝากอะไรถึงนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกบ้าง พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ทุกคนมีความเข้าใจที่ดี แต่อยากให้ลำดับความสำคัญเร่งด่วนก่อนหลัง โดยเฉพาะกับพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ส่งตัวแทนเข้ามาอวยพรในวันขึ้นปีใหม่ ตัวเองได้แนะนำไปถึงเรื่องกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ว่า การเกณฑ์ทหารไม่ได้จำเป็นเหมือนในอดีต แต่ทหารเกณฑ์มีความจำเป็นอยู่ แต่ต้องไม่ใช้วิธีแบบสมัยอดีตที่ผ่านมา ปัจจุบันควรคัดชายไทยที่มีอายุตั้งแต่ 18 ถึง 22 ปีเข้ารับการฝึก และเรียนมหาวิทยาลัยควบคู่กันไปด้วยจนจบมหาวิทยาลัย เมื่อครบหลักสูตรใครอยากจะเป็นทหารก็ให้ยศขั้นต่ำร้อยตรี แต่หากใครไม่ต้องการรับราชการทหารต่อก็ไปประกอบอาชีพตามสายวิชาที่เรียนมา
ในช่วงท้ายยังฝากถึงการตั้งฉายาให้กับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของสื่อมวลชนนั้น ขอให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดาให้คิดว่าจะตั้งฉายาอะไรก็แล้วแต่อย่าไปสนใจ แต่สิ่งสำคัญที่ควรไปสนใจอย่างเดียวคือประชาชน พร้อมย้ำว่าต้องไม่ใช่แค่การพูดเฉยเฉยเท่านั้น