ซาอุดีอาระเบียปฏิบัติการปราบปรามสมาชิกอาวุโสของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล โดยมีการคาดการณ์ว่า การจับกุมในรอบนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามรวมอำนาจทั้งหมดในซาอุดีอาระเบียให้อยู่ในมือของเจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฏราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุด โดยเฉพาะอำนาจภายในราชวงศ์เอง
ในกลุ่มคนที่ถูกจับกุมในรอบนี้รวมถึงเจ้าชายอาเหม็ด บิน อับดุลาซิส พระอนุชา (น้องชาย) ของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลลาซิส และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ พระภาติยะ (หลานชาย) ของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ซึ่งเป็นอดีตมกุฏราชกุมาร
สำนักข่าวเดอะวอลสตรีทเจอร์นัลอ้างอิงแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าชายอาเหม็ด บิน อับดุลาซิส และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟถูกจับกุมระหว่างประทับอยู่ที่บ้าน และในวันที่ 7 ก็มีการกวาดล้างจับกุมเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทย เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพ และคนอื่นๆ ที่ต้องสงสัยว่าสนับสนุนการทำรัฐประหาร รวมถึงเจ้าชายนาเยฟ บิน อาเหม็ด อดีตผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองด้วย
แม้จะไม่มีคำชี้แจงใดๆ เรื่องการจับกุมรอบนี้จากทางการซาอุดีฯ แต่ก็มีข่าวลือว่า คนกลุ่มนี้อาจพยายามก่อรัฐประหารหรือพระพลานามัยของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรุดลง
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 มี.ค.สำนักข่าวทางการของซาอุดีอาระเบียได้เผยแพร่พระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานเสด็จไปร่วมพิธีสาบานตนของทูตซาอุดีฯ ประจำยูเครนและอุรุกวัย
ในวันเดียวกันนั้น อับดุลาซิส บิน ซาอุด บิน นาเยฟ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย และเจ้าชายซาอุด บิน นาเยฟ บิดาของรัฐมนตรีมหาดไทยได้รับการปล่อยตัว หลังจากราชสำนักสอบสวนเสร็จแล้ว
นับตั้งแต่ที่เจ้าชายโมฮัมหมัด บิน ซัลมาน ได้รับการแต่งตั้งเป็นมกุฏราชกุมารแห่งราชวงศ์ซาอุด แทนเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ เมื่อปี 2560 พระองค์ก็พยายามรวบอำนาจต่างๆ ไว้ที่ตัวเอง มีการจับกุมคุมขังสมาชิกอาวุโสในราชวงศ์ เศรษฐีและนักธุรกิจไว้ในโรงแรมหณูกลางกรุงริยาดห์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นการปราบปรามการคอร์รัปชัน
สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า นักวิเคราะห์กล่าวว่า การจับกุมเจ้าชายอาวุโส 2 พระองค์ที่สามารถขึ้นมาเป็นมกุฏราชกุมารแทนเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานก็ทำให้คาดได้ว่า เป็นการตัดไฟแต่ต้นลมในการจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจจากสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานไปสู่เจ้าชายโมฮัมเหม็ด
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสมาชิกภายในราชวงศ์เอง จากการรวบอำนาจทั้งหมดไว้ที่ตัวเอง อีกทั้งยังถูกตั้งคำถามถึงพระปรีชาสามารถในการเป็นผู้นำ หลังจากที่นานาชาติประณามกรณีที่จามาล คาชอกกี ผู้สื่อข่าวถูกฆาตกรรมในสถานกงสุลประจำนครอิสตันบูลเมื่อปี 2561 และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมันถูกกลุ่มติดอาวุธฮูธีของเยเมนโจมตีเมื่อปี 2562
คนวงในของซาอุดีอาระเบียและทูตของชาติตะวันตกระบุว่า ราชวงศ์ซาอุดีฯ ไม่มีแนวโน้มว่าจะต่อต้านมกุฏราชกุมารตราบใดที่สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานยังมีพระชนม์ชีพอยู่ เพราะเจ้าชายโมฮัมเหม็ดเป็นพระราชโอรสพระองค์โปรด
สำนักข่าวเดอะการ์เดียนระบุว่า เจ้าชายอาเหม็ด บิน อับดุลาซิส และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟถูกกล่าวหาว่า พยายามขัดขวางการขึ้นครองราชย์ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด ด้วยการพยายามจะตั้งเจ้าชายอาเหม็ด ซึ่งมักวิจารณ์เจ้าชายโมฮัมเหม็ด ขึ้นเป็นประธานสภาสวามิภักดิ์ ที่มีหน้าที่ดูแลให้การเปลี่ยนผ่านอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น หากกษัตริย์หรือมกุฎราชกุมารสวรรคต ดังนั้นหากเจ้าชายอาเหม็ดขึ้นมาเป็นประธานสภาสวามิภักดิ์ ก็อาจสามารถโน้มน้าวให้มีการเสนอชื่อคนอื่นขึ้นกษัตริย์พระองค์ต่อไป
ที่มา : Al Jazeera, The Guardian
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: