มีรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ที่วัดสุทธิวราราม กรุงเทพฯ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประมาณ 7 คน ได้เข้าไปเฝ้าที่บริเวณด้านหน้ากุฏิของ สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า หรือ เณรโฟล์ค นักศึกษาปริญญาตรี วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคีนักศึกษาศาลายา สมาชิกแก๊งแครอทที่ร่วมชุมนุมทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยในเวลานั้นสามเณรโฟล์คอยู่ในกุฏิ และกำลังเรียนออนไลน์อยู่ จึงไม่ได้ออกไปพบเจ้าหน้าที่
อย่างไรก็ตามเณรโฟล์ค ทราบสาเหตุของการเข้ามาของเจ้าหน้าที่จากบุคคลอื่นที่เข้าไปสอบถามว่า เจ้าหน้าที่อ้างว่า เณรโฟล์ค ขาดจากความเป็นสงฆ์แล้ว และต้องการเข้ามานำตัวไปสึก เนื่องจากพบว่า มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาตฆาตมาดร้ายต่อสมเด็จพระสังฆราช ทำให้คณะสงฆ์มีความแตกแยก โดยอ้างประกาศจากสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ
สำหรับประกาศดังกล่าว มีการเผยแพร่ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อเวลา 14.08 น. โดยเป็นเอกสารที่ระบุหัวข้อว่า กรณีการตรวจสอบสามเณรมีพฤติกรรมขัดต่อคำสั่งมหาเถรสมาคม โดยมีใจความว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กลุ่มคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักเลขาธิการเภรสมาคม ร่วมกับพระครูสถิตยปริยัติวงศ์ วัดประดู่ธรรมาธิปัตย์ เจ้าคณะแขวงบางซื่อ พระวินยาธิการ ได้ออกตรวจตราตามที่ได้รับรายงานข่าว และเบาะแส กรณี พบเห็นสามเณรมีพฤติกรรมขัดต่อคำสั่งเถรสมาคม เรื่อง ห้าม พระภิกษุสามเณรเที่ยวเตร็ดเตร่ และพักค้างแรมตามบ้านเรือน พ.ศ. 2521, คำสั่งมหาเถรสมาคม เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง พ.ศ. 2534, ประกาศคณะสงฆ์ เรื่อง ห้ามภิกษุสามเณรพักแรมในสถานที่เป็นที่น่ารังเกียจทางพระวินัย และอื่นๆ
โดยเจ้าคณะผู้ปกครอง และเจ้าหน้าที่ ได้ลงพื้นที่ละแวกบ้านพักนักกิจกรรมแนวร่วมราษฎร ย่านเตาปูน พบว่า สามเณรรูปดังกล่าวคือ สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า ได้อยู่ ณ ที่ดังกล่าว และก่อนหน้านี้ได้มีการเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง และขึ้นปราศรัยหลายครั้ง ทั้งนี้ระหว่างชุมนุมยังแสดงพฤติกรรมละเมิดองค์แห่งพระวินัยปิฎก กล่าวติพระธรรม กล่าวติพระสงฆ์ มีความเห็นผิด ไม่เหมาะสมในสมณะแห่งพระพุทธศาสนา มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสมเด็จพระสังฆราช ใส่ความคณะสงฆ์ ให้เสื่อมเสียหรือแตกแยก
มหาเถรสมาคมจึงมีมติให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แจ้งมตินี้ไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อดำเนินการตามแนวทางการลงทัณฑกรรมแก่สามเณร พร้อมแจ้งขอความร่วมมือไปยังสำงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเเจ้งสถานีตำรวจในท้องที่ต่างๆ หากพบเห็นสามเณรดังกล่าว ให้นำเข้าพบเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่นั้นๆ เพื่อดำเนินการตามมติเถรสมาคม
"ผมเข้าใจว่าการจับสึกจะทำได้ก็ต่อเมื่อผมทำผิดพระวินัย ไม่เกี่ยวกับการทำผิด พ.ร.บ.สงฆ์ การที่ผมจะหมดจากสภาพความเป็นสงฆ์ได้จะต้องเกิดจากการทำผิดหลัก ปราชิก 4 เสพเมถุน ฆ่าคน ลักทรัพย์ และอวดอุตริมนุสธรรม แต่ผมยังไม่ได้ทำอะไรลักษณะนี้เลย" สามเณรโฟล์ค กล่าว
ทั้งนี้เมื่อเวลา 16.30 น. พบว่าเจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนา ได้ออกไปจากวัดแล้ว แต่ยังคงมีเจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล นอกเครื่องแบบประมาณ 3-4 นาย ยังคงเฝ้าอยู่บริเวณด้านหน้ากุฏิอยู่ อย่างไรก็ตามเณรโฟล์ค ระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้บุกเข้ามาควบคุมตัวแต่อย่างใด โดยคาดว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่มีหมายจับ หรือหมายเรียก ที่จะให้อำนาจเจ้าหน้าที่ดำเนินการได้