ไม่พบผลการค้นหา
'ณัฐชา' แฉทุจริตถนนพาราซอยล์ ใบเสร็จชัด เอี่ยว 'อสถ' ปี 62 ถาม “อนุพงษ์”กระทรวงมหาดไทยลงโทษกันยังไง ให้คนทุจริตได้เลื่อนตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวง

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่รัฐสภา ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณีทุจริต “โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร” หรือ ถนนพาราซอยล์ ของการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เมื่อปี 2562 ว่านโยบายนี้มีมาตั้งแต่ปี 2560 สมัยรัฐบาล คสช. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ จัดทำโครงการเพื่อทำถนนผสมยางพารา มีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ โดยตั้งเป้าให้ อปท. ทำถนนให้ได้ 75,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังการทำโครงการ คือราคายางไม่ได้ดีขึ้น สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือยอดเงินในกระเป๋าของข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย

ณัฐชา กล่าวว่า โครงการนี้ไม่ใช่แค่การไปซื้อยางพาราจากประชาชนมาถมถนน แต่เป็นการนำน้ำยางพาราไปผสมกับสารเคมีเพื่อให้เกิดเป็นวัสดุสำหรับทำถนน ซึ่งการผสมสารนี่เองที่มีความไม่ชอบมาพากล ในช่วงแรก มีบริษัทอยู่แค่ 3 เจ้าเท่านั้น ที่ได้รับการรับรองจาก กยท. ว่าสามารถใช้ผสมทำถนนได้ ต่อมาทั้ง 3 เจ้า ถูกแฉว่าอาจเป็นเจ้าของเดียวกันทั้งหมด แค่แยกร่างออกมาให้ดูเหมือนมีการแข่งขันกัน แต่เรื่องนี้นอกจากการผูกขาด ยังมีเหตุการณ์เชื่อมโยงกับข้าราชการระดับสูง เกี่ยวข้องกับงบประมาณราว 1,000 ล้านบาทในช่วงระหว่างมีโครงการ

โดยตัวละครสำคัญในเรื่องนี้มี 3 คน คนแรกคือ “พ” เป็นรองปลัดเทศบาลในจังหวัดอำนาจเจริญ คนที่สองคือ “ช” สามีของ “พ” เป็นกรรมการบริษัทค้าสารน้ำยาง คนที่สามคือ “ป” เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่เป็นเพื่อนสนิทของ 2 คนแรกอีกที โดยทั้ง 3 คนมีการพูดคุยกันว่าการทำโครงการนี้ มีค่าน้ำร้อนน้ำชา 15% ของมูลค่าโครงการ แบ่งเป็น 5% เป็นค่าดำเนินงาน อีก 10% ส่งให้ “นาย”

ณัฐชาอภิปรายพร้อมแสดงหลักฐานเป็นแชทไลน์ระหว่าง “พ” กับบุคคลที่ใช้ชื่อว่า “อสถ.” ระบุว่ากรณีโครงการเกิน 10 ล้านบาท เป็นอำนาจอนุมัติของสำนักงบประมาณ แต่หากไม่เกิน 10 ล้านบาทเป็นอำนาจของ “อสถ.” ต่อมาปรากฏว่ามีการโอนเปลี่ยนแปลงโครงการเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ พบว่าผู้รับเหมา “ป” ได้รับโครงการใน 7 จังหวัดทางภาคอีสาน รวม 55 โครงการ เป็นเงิน 394 ล้านบาท ทุกโครงการมีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท เป็นอำนาจอนุมัติโดย “อสถ” ทั้งหมด

ณัฐชา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการเอื้อประโยชน์กันระหว่างผู้รับเหมากับข้าราชการประจำและข้าราชการระดับสูง สั่งกันมาเป็นทอดๆ ฮั้วและแบ่งเงินกัน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีการตรวจสอบกันเองแล้วภายในกระทรวงมหาดไทย ผลออกมาเป็น หนังสือกระทรวงมหาดไทย ลงนามโดยรองปลัดกระทรวงฯ ขณะนั้น ระบุว่า “พ” ผิดวินัยร้ายแรง ส่วน “อสถ” ในขณะนั้นกลับไม่ผิด โดยต่อมา “พ” ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นปลัดเทศบาลเมืองที่จังหวัดสมุทรปราการ ส่วน “อสถ” ปัจจุบันได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย

นี่คือความไม่ชอบมาพากล แต่ละคนที่แต่งตั้ง ตั้งแต่ระดับปฏิบัติการไปจนถึงระดับบริหาร การบริหารราชการแผ่นดินในยุค 3ป ลงโทษกันแบบนี้หรือ จึงต้องถาม 3 ข้อว่า หนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรู้เห็นเป็นใจกับการทุจริตครั้งนี้หรือไหม สอง ทราบข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดนี้หรือไม่ สาม กระบวนการลงโทษทางวินัยของกระทรวงมหาดไทย มีแต่การเลื่อนตำแหน่งใช่หรือไม่ และสี่ คนมีประวัติด่างพร้อย มีมลทินมัวหมองขนาดนี้ สมควรเป็นปลัดกระทรวงต่อไปในยุครัฐบาล 3ป ใช่หรือไม่” ณัฐชา กล่าว

“กระบวนการตรวจสอบภายในของมหาดไทยนำพาความเคลือบแคลงสงสัย ท่านมักอ้างเข้ามาปราบโกง ถ้าเหตุการณ์ทั้งหมด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีส่วนรู้เห็น ด้วยพยานหลักฐานวันนี้ ต้องมีกระบวนการนำคนผิดมาลงโทษ ปลดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดตามหลักฐาน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก” ณัฐชากล่าว.