วันที่ 6 ก.พ. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงปัญหาสภาล่มซ้ำซากอย่างต่อเนื่องว่าเกิดจากการที่รัฐบาลไม่สามารถบังคับให้ ส.ส.เข้าร่วมประชุมสภาได้แม้จะมีเสียงข้างมากเพราะมีปัญหาความขัดแย้งแตกแยกกันเองภายใน โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ส.ส.กลุ่มร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า ชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ดังนั้นหากจะแก้ก็ต้องแก้ให้ตรงจุด ไม่ใช่มาโยนบาปให้ฝ่ายค้านซึ่งเป็นเสียงข้างน้อยมันผิดหลักการของระบบรัฐสภา แต่ถ้ายังแก้ไม่ได้ก็ควรยุบสภาหรือลาออกไปเสียเถิด อย่าอยู่ให้เป็นภาระประชาชนอีกเลย
“ปัญหาทั้งหมดเกิดจากตัวรัฐบาลเอง ที่พอแก้ปัญหาตัวเองไม่ได้ก็มาหวังเสียงจากฝ่ายค้านให้มาช่วยแสดงตน แต่พอเขาไม่เล่นด้วยก็มาโยนบาปให้เฉยเลย อย่างนี้นะหรือวิธีการของผู้นำที่เป็นชายชาติทหาร ตอนที่ท่านประยุทธยังไม่มีปัญหากับผู้กองธรรมนัสก็ไม่เห็นจะมีปัญหาถึงขนาดนี้เลย สภายังพอไปได้แค่ต้องเตรียมสวนกล้วยไว้เยอะๆ เท่านั้น แต่พอ 2 คนนี้แตกหักกันก็เลยมีปัญหาสภาล่มซ้ำซาก จนสภาพพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ไม่คิดที่จะทำอะไรกันแล้ว นอกจากคิดแต่จะเอาชนะกันในสนามเลือกตั้ง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะข้าวยากหมากแพงในขณะนี้” นภาพรกล่าว
นภาพรกล่าวอีกว่า ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากจะยอมปรับคณะรัฐมนตรีตามแรงกดดันของกลุ่มร้อยเอกธรรมนัสเพื่อต่ออายุรัฐบาลออกไปกับเลือกที่จะยอมยุบสภาก่อนที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนพฤษภาคมนี้ เพราะถ้าปล่อยให้มีการยื่นญัตติอภิปรายไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาไม่ได้ต้องลาออกสถานเดียวหากสภาโหวตไม่ไว้วางใจ
"เมื่อถึงตอนนั้นคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์คงจะจบไม่สวยอย่างแน่นอนเพราะคงจะถูกกลุ่มร้อยเอกธรรมนัสและ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลบางส่วนเอาคืน ตอนนี้ต้องถือว่าระบอบประยุทธ์ได้เดินมาสุดทางแล้วอย่าฝืนชะตาฟ้าลิขิตอีกเลย" นภาพรกล่าว