นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องในครบรอบ 5 ปี รัฐประหาร คสช.ว่า เมื่อ 5 ปีที่แล้ว พล.อ.ประยุทธ์อ้างความจำเป็น 4 ข้อยึดอำนาจไปจากประชาชน คือ (1) เพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว (2) เพื่อให้ประชาชนในชาติเกิดความรักความสามัคคีเช่นเดียวกับห้วงที่ผ่านมา
(3) เพื่อการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและอื่นๆ และ (4) เพื่อให้เกิดความชอบธรรมกับทุกพวกทุกฝ่าย รายละเอียดปรากฏในประกาศ คสช. ฉบับที่ 1/2557
แต่การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์กับพวกตลอดระยะเวลาที่อยู่ในอำนาจเป็นคำตอบได้ด้วยตัวเองแล้วว่าประชาชนถูกหลอก เพราะข้ออ้างทั้ง 4 ข้อ นอกจากจะไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจังแล้วกลับกระทำในทางตรงข้ามอีกด้วย การยึดอำนาจจึงเกิดขึ้นเพียงเพราะต้องการมีอำนาจและยังต้องการสืบทอดอำนาจต่อผ่านการเลือกตั้ง โดยใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองบางกลุ่มร่วมกันโกง
ถึงแม้จะใช้ทุกวิธีในการโกงแล้ว แต่ผลการเลือกตั้งที่ออกมาปรากฏว่าพรรคที่ประกาศเจตนารมณ์ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ให้เป็นนายกฯ ต่อกลับได้รับเลือกตั้งเกินกว่า 300 คน ทั้งที่บางพรรคถูกเอาคะแนนไปแจกพรรคเล็กแล้ว ส่วนพรรคที่ประกาศชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อไปกลับได้รับเลือกตั้งเพียง 135 คน สิ่งที่ประชาชนได้แสดงออกมาคือเจตนารมณ์ที่คนที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของประชาชนจักต้องสำเหนียก
เมื่อทุกอย่างปรากฏผลออกมาชัดเจนแล้วว่าการบริหารประเทศในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามีแต่ความล้มเหลว มีคนเพียงบางกลุ่มเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ส่วนประชาชนทั่วไปกลับทุกข์ยาก แต่การที พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในอำนาจต่อได้ก็ต้องอาศัยมือนักการเมืองที่ประชาชนเลือกเข้ามายกให้ การสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้สืบทอดอำนาจต่อจึงขัดกับเจตนารมณ์ของประชาชน ดังนั้น มือที่ยกให้กับพล.อ.ประยุทธ์ ได้สืบทอดอำนาจต่อคือมือเดียวกันที่ใช้ตบหน้าประชาชน การจัดตั้งรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นคือบทพิสูจน์
'ชวลิต' ชี้มรดกรัฐประหารคือพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจ
ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 22 พ.ค 57 ครบรอบ 5 ปี รัฐประหาร ได้มรดกตกทอดจากการรัฐประหาร คือ พรรคการเมืองหนึ่งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสืบทอดอำนาจ โดยมีรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลลาออกมาเป็นคณะผู้บริหารพรรค เป็นทั้งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค
ซึ่งหากมองย้อนไปในอดีต หลังรัฐประหารทุกครั้งจะมีพรรคการเมืองเฉพาะกิจตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับการสืบทอดอำนาจ และพรรคเฉพาะกิจดังกล่าวก็ล้มหายตายจากล่มสลายไปในที่สุด ไม่มีพรรคใดยืนหยัดอยู่ได้ ผลพวงอีกประการหนึ่ง
หลังรัฐประหารครบรอบ 5 ปี คือการที่ ศสช. ประกาศว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรก 1/2562 โตเพียง ร้อยละ 2.8 ต่ำสุดในรอบ 4 ปี หรือ 17 ไตรมาส เพียงพอที่จะพิสูจน์ฝีมือของรัฐบาลนี้ และถ้าสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ออกผลเศรษฐกิจไทยซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก จะเป็นเช่นไรคงคาดการณ์ได้พรรคการเมืองหลัก ก็ต้องเป็นหลักในทางประชาธิปไตย การให้พรรคการเมืองเฉพาะกิจมากำหนดเกม จะไปตอบประชาชนในการหาเสียงต่อไปอย่างไร
‘ภูมิธรรม’ คาดหารือ ปชป.-ภท. ได้ข้อสรุปก่อน 25 พ.ค. นี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ขณะนี้พรรคกำลังติดตามความเคลื่อไหวของทุกฝ่ายในทางการเมือง ก่อนมีรัฐพิธีในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ และหารือเตรียมความพร้อมก่อนเปิดประชุมสภาและเลือกประธานสภาในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ด้วย พรรคจึงต้องรวบรวมความคิดเห็นจากเพื่อนสมาชิกทุกคนเพื่อให้การตัดสินใจของพรรคให้ตรงกับความต้องการและสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม วาระของการพิจารณาในวันนี้ไม่เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา เพราะการออกแบบของรัฐธรรมนูญ สร้างความสับสน พรรคจึงต้องพิจารณารายละเอียดให้มากขึ้น และครั้งนี้ แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่เพราะกฎกติกาที่ผ่านมามีความสลับซับซ้อนจึงไม่สามารถสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ ส่วนเรื่องจะเสนอผู้ชิงตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ ต้องหารือในที่ประชุมใหญ่ก่อน
นอกจากนี้นายภูมิธรรมยังกล่าวว่า วันนี้เชื่อว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนพยายามทำหน้าที่ของตนให้สอดคล้องกับแนวทางเดิม ส่วนใครจะทำให้หน้าที่ได้สอดคล้องหรือเหมาะสมกับกับแนวทางของประชาธิปไตยมันชัดเจนอยู่ในสายตาของประชาชนแล้ว ทุกพรรคทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่จะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ดี ประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ขณะที่เพื่อไทยยืนยันชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจว่าจะไม่ยึดถือตำแหน่งเพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากวิกฤติการณ์ต่างๆ และร่วมมือกับ ส.ส. เพื่อให้พ้นจากกติกาที่เป็นปัญหาและเอารัดเอาเปรียบ เพราะถ้าหากเป็นการเลือกตั้งปกติ การตัดสินใจของประชาชนจะเป็นที่สิ้นสุดว่าพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งจะเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล
นายภูมิธรรมยืนยันว่าตอนนี้ได้คุยกับทุกพรรคที่คิดว่าจะเป็นทางออกให้กับประเทศ และเปิดโอกาสรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย และ 7 พรรคการเมืองที่เคยลงสัตยาบันไว้ก็ยังยืนยันจะอยู่กับเพื่อไทย เพื่อให้ประเทศกลับเข้าสู่ประชาธิปไตยและแก้ไขบทบัญญัติที่ขัดขวางประชาธิปไตย ส่วนการหารือระหว่างพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปไตยจะชัดเจนก่อน 25 พฤษภาคมแน่นอน
เมื่อถามถึงครบรอบ 5 ปีที่ คสช. พรรคเพื่อไทยมองการเมืองหลังตั้งรัฐบาลว่าจะกลับสู่วังวนเดิมหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า 5 ปีที่ คสช. ได้ทำงานมา พี่น้องประชาชนจะเป็นคนตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด ว่าชีวิตของประชาชนและประเทศชาติเปลี่ยนแปลงไปเป็นประโยชน์อย่างไรบ้าง และการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง พรรคเพื่อไทยจึงเรียกร้องและยืนยันเจตนารมณ์ว่าอยากเห็นประชาธิปไตยกลับสู่ภาวะปกติและอยากให้ประเทศชาติรวบรวมกำลังของประชาชนทุกฝ่ายมาช่วยแก้ปัญหาเพื่อให้หลุดพ้นจากบรรยากาศที่ไม่ปกติตลอด 5 ปี