ไม่พบผลการค้นหา
'เพชร กรุณพล' ชี้ที่ผ่านมาดคีความผิด ม.112 ไม่มีบรรทัดฐานในกระบวนการยุติธรรม - เจ้าหน้าที่ใช้ดุลยพินิจตัดสิน เปิดช่องให้เกิดการกลั่นแกล้งกันได้ ชี้ต้องยุติและใช้มาตฐานหลักการที่ชัดเจน

กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน มีเยาวชนและประชาชนผู้คิดต่างจากรัฐบาลถูกดำเนินดคีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นจำนวนมาก โดยรวมในชั้นศาลและอัยการแล้วมีสูงถึง 188 คดี และที่ผ่านมาก็ไม่มีบรรทัดฐานในการดำเนินคดี ทั้งๆ ที่หลักในคดีอาญานั้นต้องให้สิทธิ์ผู้ถูกกล่าวหาว่า ถ้ายังไม่มีคำพิพากษาถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ความไม่มีบรรทัดฐานดังกล่าว บางครั้งก็เหมือนกับตัดสินโทษไปแล้ว ทั้งการไม่ให้ประกันตัว หรือให้ประกันตัวในวงเงินที่สูง รวมถึงการต้องติดเครื่องควบคุมติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลอีเอ็ม

ทั้งนี้ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรม รวมถึงนักกิจกรรมและผู้ถูกดำเนินคดีมาชี้แจง โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายกระบวนการยุติธรรมบอกว่า ทำตามนโยบายประธานศาลฎีกาที่ให้เป็นดุลยพินิจของผู้พิพากษา ซึ่งเมื่อ กมธ.ขอดูข้อกำหนดสิ่งที่กล่าวไว้ เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถให้ดูได้ โดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับทางราชการ ซึ่งยิ่งทำให้มีข้อสงสัยในกระบวนการ

"นอกจากนี้ กมธ.หลายคนตั้งข้อสงสัยด้วยว่า หลายดคีถูกสั่งฟ้องด้วยดุลยพินิจของอัยการ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีหลักฐานเป็นที่ประจักษ์ หลายคดีขึ้นสู่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องในชั้นศาล ยังไม่ได้มีการสืบพยานจนแน่ชัดว่าผู้ต้องหาเป็นผู้มีความผิดจริง แต่กลายเป็นว่าต้องถูกดำเนินคดี มีโทษ ต้องใช้เงินประกันตัวหลักแสน ซึ่งเมื่อเที่ยบกับคดีฆาตกรรม คดีข่มขืน คดีล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมีความรุนแรง เหล่านี้กลับมีวงเงินประกันตัวต่ำกว่ามาก วันนี้แค่ตั้งคำถามเรื่องสถาบันกษัตริย์ก็อาจที่จะถูกดำเนินคดีได้โดยง่ายด้วยดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ด้วยเหตุนี้ เราจึงอยากเรียกร้องให้ในกระบวนการยุติธรรมนี้ ต้องมีบรรทัดฐาน ต้องมีหลักการที่ชัดเจนว่าเป็นอย่างไร ช่วยสร้างความโปร่งใสให้กับการดำเนินคดี และสร้างความยุติธรรมให้กับผู้ถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะในการได้สิทธิ์ประกันตัว การติดต่อทนาย มีการไต่สวนมูลฟ้อง ไต่สวนพยานก่อนที่จะมีการสั่งคุมขัง เราเรียกร้องให้ยุติการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่อาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งประชาชนได้" กรุณพล กล่าว 

กรุณพล ยังได้กล่าวถึงกรณี การเปิดเทอมของนักเรียนว่า เป็นการกลับมาเรียนแบบออนไซต์หลังต้องเรียนแบบออนไลน์มาถึง 2 ปีเนื่องจากสถานการณ์โควิด โดยสิ่งที่เป็นปัญหาของผู้ปกครองคือ การต้องหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายให้กับลูกหลาน ทั้งค่าเทอม ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าชุดนักเรียน และอีกจิปาถะ ซึ่งในปีนี้หลายๆ ครอบครัวต้องบากมาก เพราะที่ผ่านมาเจอสถานการณ์โควิด ต้องล็อกดาวน์ รายได้ลด

ดังนั้น จึงอยากให้กระทรวงศึกษาธิการ รวมถึงรัฐบาลได้เข้ามาดูแล ให้นักเรียนตั้งแต่ช้้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นได้เรียนฟรีจริงๆ ตามนโยบายของรัฐ โดยต้องจัดสรรงบเพิ่มเติมไม่ใช่ฟรีเฉพาะแค่ในส่วนค่าเทอม ค่าอุปกรณ์เท่านั้น แต่ค่าชุดนักเรียน รองเท้า ถุงเท้า ซึ่งเป็นภาระที่ใหญ่หลวงของผู้ปกครองก็ต้องเข้ามาดูแลในส่วนนี้ด้วย