ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ย่องตรวจการทำงานสนามบินสุวรรณภูมิ หลังระบบ ตม.ล่ม 2 ครั้ง พบปัญหาอื้อ มอบ KPI นทท.ยืนรอประทับตราพาสปอร์ต ต้องไม่เกิน 30 นาที เตรียมเรียก ผบ.สตม.ประชุมบ่ายนี้ เพิ่มอัตรากำลัง ย้ำหากอยากดูแลนักท่องเที่ยวให้ดี ต้องเห็นใจ แทนที่จะเอาเวลาไปเที่ยว ให้เกิดการใช้จ่าย แต่ต้องมาเสียเวลาอยู่สนามบิน

วันที่ 5 ก.พ. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเช้า เพื่อตรวจสอบระบบตรวจคนเข้าเมือง หรือ Biometrics ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หลังเกิดเหตุระบบขัดข้อง มา 2 ครั้งแล้ว ซึ่งส่งผลต่อระบบส่งต่อช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channels ไม่สามารถตรวจได้ และส่งผลกระทบต่อช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินขึ้นลงหนาแน่น โดยเฉพาะผู้โดยสารขาออกประเทศ

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องเดินทางลงพื้นที่ไป เพราะอยากไปเห็นปัญหาด้วยตาตัวเอง ไม่อยากรับฟังรายงานจากใคร โดยสาเหตุที่ระบบตรวจคนเข้าเมืองล่ม พบว่ามาจาก ระบบที่ตอนนี้มีหลายบริษัทไอทีมาดำเนินการ ซึ่งการที่ข้อมูลไม่เชื่อมโยงกัน ทำให้ระบบแบล็กอัพไม่เสถียร พอนักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะ ระบบก็หน่วง โดยเวลาปกติ KPI ใช้เวลาประมาณ 45 วินาที แต่เมื่อมีการใช้งานพร้อมกันเยอะ ทำให้ KPI ใช้เวลานานถึง 1 นาทีกว่า ทำให้ช้าขึ้นอีก จึงได้ให้ KPI ไปว่า นักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้ามาแล้ว ควรจะยืนรอเข้าช่องประทับตราตรวจคนเข้าเมืองหนังสือเดินทางไม่ควรเกิน 30 นาที รวมถึงการไปยืนรอรับกระเป๋าที่ก่อนหน้านี้ที่ต้องรอเป็นเวลานาน

ทั้งนี้ช่วงเวลาบ่ายวันนี้จะมีการประชุม และสัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ก็จะมีการประชุมอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะหาวิธีแก้ไข และวิธีบูรณาการ คาดว่าจะใช้เวลา 12 เดือนถึงจะจบ

รวมไปถึงเรื่องของกำลังพล เจ้าหน้าที่ ตม.ที่มีไม่เพียงพอ ซึ่งเรื่องนี้ จะเรียกผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาหารือ เพื่อขอไปทาง กพ. ให้ขอเปิดตำแหน่งรับอัตรากำลังเพิ่ม

นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสไปดูพื้นที่บริเวณสถานที่ มี่เป็นพื้นที่การพักผ่อน การตรวจเวรของตำรวจ ตม. ก็ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงสั่งให้มีการปรับปรุงไป

ส่วนปัญหาผู้โดยสารขาออก ที่มีปัญหาต้องใช้เวลานาน เพราะมีช่องบริการน้อย ทำให้มีการต่อแถวที่ยาวมาก ตั้งแต่ตรวจลงตราหนังสือเดินทาง และการตรวจเอกซเรย์กระเป๋า จนแถวล้นออกมาข้างนอก ทำให้เวลาเช็คอินมีพื้นที่ไม่เพียงพอ แต่เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาตรวจ ซึ่งมีอยู่ 2 เรื่อง คือการตรวจนักท่องเที่ยวที่อยู่เกินเวลาของวีซา และคนที่มีความผิดทางอาชญากรรมที่จะเดินทางออกนอกประเทศ 

ดังนั้นเรื่องของระบบไอที จะต้องเชื่อมต่อกันให้ได้ทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้เป็นแผนระยะกลาง และจะมีการมาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง และหากสามารถทำให้อยู่ในรูปแบบไม่ต้องตรวจผ่านเคาน์เตอร์ได้ ที่ประทับตราแล้วออกไป ก็จะทำให้ระยะเวลาสั้นขึ้น

ส่วนขาเข้า ไม่อยากให้เข้ามายืนรอเกิน 2 ชั่วโมง เพราะที่ถามไป ก็มีการยืนรอกันนานถึง 3 ชั่วโมง โดยนายกฯ ย้ำว่า หากเราจะดูแลการท่องเที่ยวให้ดี เราต้องเห็นใจนักท่องเที่ยว เพราะแทนที่จะเอาเวลาไปท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น และเกิดการใช้จ่าย แต่ต้องมาเสียเวลาอยู่ภายในสนามบินที่นานเกินไป

ทั้งนี้อยากทำทุกอย่างให้ดีตั้งแต่การเข้ามาในประเทศของนักท่องเที่ยว ให้มีความสะดวกสบาย ตั้งแต่ลงเครื่องบินมา และเดินเข้ามาภายในอาคารสนามบิน ไม่ต้องนั่งรถบัสตากฝน เข้ามาถึงก็ไม่ต้องรอประทับตราวีซา เกิน 30 นาที และรับกระเป๋าเดินทางออกนอกสนามบิน รวมถึงระบบแท็กซี่ต้องให้เหมาะสม และถูกต้อง