'มาริษ เสงี่ยมพงษ์' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย ร่วมกับ รมว.กลาโหมสวีเดน เป็นสักขีพยานการลงนามสัญญาจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริพเพน ระยะที่ 1 และข้อตกลง Offset Policy โดยมี ผบ.ทอ. เป็นผู้แทนประเทศไทยลงนามในสัญญา สะท้อนความร่วมมือไทย–สวีเดนในการยกระดับขีดความสามารถด้านกลาโหม เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมทั้งเปิดโอกาสความร่วมมือในระยะยาว ด้านการพัฒนาทักษะบุคลากร การถ่ายทอดเทคโนโลยี และความมั่นคงไซเบอร์ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568
'มาริษ เสงี่ยมพงษ์' เผยผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่า ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามข้อตกลงจัดซื้อเครื่องบินรบ Gripen E/F พร้อมความตกลงว่าด้วยนโยบายชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Offset Policy)
ข้อตกลงต่างๆ นี้ ได้วางกรอบความร่วมมือที่จะต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเป็นนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จนถึงนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ประเทศไทยในระยะยาวครับ
นอกจากนี้ การลงนามในความตกลงต่างๆ ในครั้งนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่สวีเดนและประชาคมโลก ภายหลังจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งกองทัพไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและการปฏิบัติตามหลักสากลอย่างชัดเจนแล้วว่า เราไม่มีแนวคิดที่จะใช้อาวุธเพื่อรุกรานประเทศเพื่อนบ้าน และปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
ประเทศไทยเป็นประเทศที่รักสันติเช่นเดียวกับสวีเดนและสหภาพยุโรป แต่การมีศักยภาพในการป้องกันตนเองก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การซื้อขายเครื่องบิน Gripen ในครั้งนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ไทยร่วมมือกับนานาประเทศที่รักสันติ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการใช้อาวุธเพื่อปกป้องตนเองอย่างมีคุณภาพ