วันที่ 23 ม.ค. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง หนึ่งในผู้เปิดเผยเบื้องหลังของ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว จำเลยในคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ฐานกระทำผิดในธุรกิจทุนจีนสีเทา เดินทางมาติดตามการสอบคำให้การจำเลยกว่า 20 คน ที่ศาลได้นัดวันนี้ โดย ชูวิทย์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้ติดตามคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง วันนี้เป็นการนัดสอบคำให้การจำเลย ตรวจพยานหลักฐานนัดแรกของศาล ศาลก็จะสอบถามจำเลยทุกคนว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ เชื่อว่าทุกคนก็จะปฏิเสธสู้คดี เนื่องจากถูกดำเนินคดีในอัตราโทษสูงรวม 9 ข้อหา
ขณะเดียวกัน วานนี้ (22 ม.ค.) ตนได้แจ้งไปยังพลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า มีพยานสำคัญ 2 คน ที่ต่างจังหวัดถูกข่มขู่ให้ถอนตัวจากการเป็นพยาน โดยมีบุคคลต้องสงสัย 3-4 คน ขับรถวนเวียนบริเวณหน้าที่พักอาศัย พร้อมทั้งส่งข้อความข่มขู่ ทำให้ตกใจกลัว ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้นำกำลังขึ้นเครื่องบินไปตรวจสอบด่วนในเรื่องดังกล่าว และใช้มาตรการคุ้มครองพยานไว้เรียบร้อยแล้ว และจะเสนอให้พนักงานสอบสวนขอถอนประกันพันตำรวจเอกหญิง ที่เป็นจำเลยร่วม และได้ประกันตัวมาเพียงคนเดียว เนื่องจากถูกดำเนินคดีเพียงข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งคณะทำงานฯก็เตรียมแจ้งข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และมีพฤติกรรมข่มขู่พยาน สามารถขอให้ศาลเพิกถอนประกันได้
“ที่ผ่านมา ตู้ห่าว ยังพฤติกรรมข่มขู่พยานอีกหลายคน มีอิทธิพลและมีความพยายามทำลายหลักฐานด้วยวิธีการใต้ดิน แต่เชื่อมั่นว่า กระบวนยุติธรรมจะสามารถลงโทษกลุ่มขบวนการเหล่านี้ได้” ชูวิทย์ ระบุ
นอกจากนี้ กรณีนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนถ่ายคลิปวิดีโอแล้วนำไปโพสต์ว่า สามารถจ้างตำรวจไทยขับรถนำขบวนไปที่พัทยา จังหวัดชลบุรีได้ โดยมีการอำนวยความสะดวกตั้งแต่ลงเครื่องบิน รับกระเป๋าสัมภาระ และไม่ต้องผ่านการตรวจคนเข้าเมืองนั้น ชูวิทย์ เชื่อว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการธุรกิจทุนจีนสีเทาเหมือนกัน และมีมานานแล้ว แต่เพิ่งมีคนถ่ายคลิปเผยแพร่ ซึ่งก็ทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศ ที่ทำให้ชาวต่างชาติเห็นว่า ประเทศไทยมีเงินก็สามารถซื้อได้ เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่มีคลิปของ ตู้ห่าว พูดในลักษณะเดียวกัน
โดยก่อนหน้านี้ที่มีคนจีนเข้ามาเที่ยวในไทยจำนวนมาก ก็เคยมีการจ่ายเงินคนละ 500 บาท เพื่อแลกกับการที่ไม่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในการทำ Visa On arrival