วันนี้ (17 ธันวาคม 2567) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. เปิดเผยว่า ศปช. วันนี้ ได้รายงานสถานการณ์อุทกภัยใน 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และพัทลุง โดยที่ประชุมได้สั่งการให้ช่วยเหลือประชาชนทั้งในสถานการณ์เร่งด่วน โดยได้เร่งระดมกำลังพลและเครื่องจักรกล เข้าช่วยเหลือประชาชนตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทั้งหน่วยงานทหาร ตำรวจ ฝ่ายพลเรือน ซึ่งได้กระจายกำลังและนำเครื่องจักรกล สาธารณภัยออกปฏิบัติการเพื่อดูแลผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ทั้งตอนบนและตอนล่างอย่างเต็มที่ ทั้งการเร่งสูบระบายน้ำ การอพยพประชาชน การดูแลด้านสาธารณูปโภค อาหาร น้ำดื่มสะอาด แจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง โดยจะปักหลักให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยให้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย”
สำหรับสภาพอากาศในวันนี้ (อังคารที่ 17 ธ.ค. 67) พื้นที่ภาคใต้จะยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้อีก ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส หลังจากนั้นช่วงวันที่ 18 - 22 ธ.ค. 67 ปริมาณฝนมีแนวโน้มลดน้อยลง จนกลับเข้าสู่ภาวะปรกติ
“การบริหารจัดการน้ำที่อ่างเก็บน้ำรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ได้แจ้งปิดการระบายน้ำตั้งแต่เมื่อวานนี้ (16 - 26 ธ.ค. 67) เพื่อบรรเทาผลกระทบน้ำท่วมให้กับประชาชน ส่วนอ่างเก็บน้ำบางลาง จ.ยะลา ปัจจุบันมีน้ำใช้การ 83% ซึ่งยังคงอัตราการระบายน้ำที่ 18 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน เนื่องจากระดับน้ำต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมสูงสุดแล้ว (URL) เพื่อเตรียมพื้นที่รองรับน้ำช่วงปลายปี และจะมีการปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อลดผลกระทบให้น้อยที่สุด”
นอกจากนี้ขอให้ประชาชนยังคงต้องติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิดในระยะนี้ด้วย “กรมประชาสัมพันธ์ได้ ติดตามรายงานสถานการณ์ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางเชื่อมโยงประสานการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช FM 89.75 MHz , 96.75 MHz , 97.00 MHz , AM 1242 KHz และสถานีโทรทัศน์ช่อง NBT2HD (กดเลข 2), NBT South (กดเลข 11) ล้มผังรายงานสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลายและมีการไลฟ์สดผ่านเพจ Facebook NBT นครศรีธรรมราชและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อออนไลน์ทุกแพลตฟอร์มของกรมประชาสัมพันธ์”