ออกมาชี้แจงผ่านทวิตเตอร์และอินสตาแกรมส่วนตัว สำหรับ นักแสดงสาว นก สินจัย เปล่งพานิช หลังเกิดดราม่าในโลกออนไลน์ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนหนึ่ง เรียกร้องให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ประเทศไทย ทบทวนการเลือก นก สินจัย เป็นพรีเซ็นเตอร์ เนื่องจากส่วนใหญ่มองว่าเธอมีทัศนคติที่สร้างความแตกแยกในสังคม ผลักไสคนเห็นต่าง และไม่ยอมรับในกติกา อีกทั้งบางส่วนระบุว่าได้ยกเลิกการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุน UNHCR ไปแล้ว
ล่าสุด นก สินจัย ได้ออกมาชี้แจงผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "ได้ไปร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน รอบ Final Walk รายการ The Face Thailand Season 5 เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มิ.ย. และยังได้รับเกียรติให้กล่าว Speech เกี่ยวกับ UNHCR เพื่อให้ผู้ชมได้รู้จักและร่วมบริจาค มิได้ขึ้นไปพูดในสถานะใดๆ อย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นะคะ"
ส่วนบัญชีอินสตาแกรมของสินจัย เผยแพร่ข้อความเดียวกับที่โพสต์ในทวิตเตอร์ แต่มีการทิ้งท้ายเพิ่มเติมด้วยว่า "สติค่ะสติ" รวมถึงติดแฮชแท็ก #กรูงงมาก และมีแฟนๆ เข้าไปให้กำลังใจนักแสดงสาวในอินสตาแกรมกันอย่างมากมายหลังจากมีข่าวเกิดขึ้น
ส่วนประเด็นต้นทางที่นำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ 'สินจัย' ครั้งนี้ สืบเนื่องจากเฟซบุ๊กเพจ UNHCR Thailand ได้นำคลิปวิดีโอขณะที่สินจัยกล่าวรณรงค์เพื่อให้ผู้ชมรายการ The Face Thailand 5 for UNHCR ร่วมบริจาคสนับสนุนการทำงานของ UNHCR ประเทศไทย
นอกจากนี้ UNHCR Thailand ยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติมด้วยว่า “เราทุกคน ต่างต้องการอยู่ในที่ที่มีความรัก ความสุข และความปลอดภัย แต่บางครั้ง สงคราม ความขัดแย้ง และความรุนแรง ส่งผลให้ผู้คนหลายสิบล้านคนต้องพลัดถิ่น และกลายเป็นผู้ลี้ภัย ทั่วโลกจึงร่วมมือกัน เพื่อคุ้มครองและช่วยเหลือพวกเขา ให้มีชีวิตต่อไปจนกว่าจะได้กลับสู่ "บ้าน" อีกครั้ง” - คุณนก สินจัย เปล่งพานิช
การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวทำให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ในเพจ UNHCR Thailand โดยส่วนใหญ่มองว่า การนำเสนอความคิดเห็นของบุคคลที่เคยเคลื่อนไหวขับไล่ 'ผู้เห็นต่าง' ให้ออกไปนอกประเทศ ขัดแย้งกับการรณรงค์เพื่อผู้ลี้ภัยของ UNHCR เสียเอง
ขณะที่ 'ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์' นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และ 'ชนกนันท์ รวมทรัพย์' อดีตนักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งตัดสินใจลี้ภัยทางการเมือง เพราะถูกนายตำรวจรายหนึ่งฟ้องร้องกล่าวหาในคดีอาญามาตรา 112 โพสต์แสดงความคิดเห็นว่า พวกเขาเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองเพราะรัฐบาลทหารที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนแบบสินจัย การเลือกบุคคลเช่นนี้มาพูดแทนองค์กรรณรงค์เพื่อผู้ลี้ภัยจึงเป็นเรื่องที่ไร้ยางอาย
อย่างไรก็ตาม ทาง UNHCR ประเทศไทย ไม่ได้ออกแถลงการณ์หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อเรื่องนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :