ไม่พบผลการค้นหา
ปกติหมายถึงทำอะไรยันเช้า แต่ถ้าในแง่ลางบอกเหตุ จะเรียกว่า "อุกาฟ้าเหลือง" ถือกันว่าเป็นลางบอกเหตุไม่ดี หรือภัยพิบัติ

ในฐานะที่มีเพื่อนทั้งชายแท้ และเพื่อนสาว ขอบอกว่าได้ยินบ่อยมากกับคำว่า "ฟ้าเหลืองที่เมืองทอง" ซึ่งฉันได้ยินแล้วเขินแทนคนพูดทุกครั้ง เพราะถ้าเป็นการเล่นมุกก็เสร่อมาก แต่ถ้าเป็นการเหยียดก็ไม่สร้างสรรค์ คิดได้แค่นี้เองอ่อ?

คำว่าเมืองทอง ที่กำลังเป็นประเด็นบูลลี่ในรายการหนึ่ง หลายเพจคงอธิบายไปแล้วว่าทำไม LGBT ถึงไม่ตลกกับคำนี้ ส่วนคำว่า "ฟ้าเหลือง" ในอดีตไม่ได้หมายถึงการเยกันจนฟ้าสาง หรือผู้ชายทำอะไรกามๆ จนเพลีย ตามองอะไรเหลืองไปหมด

แต่ "ฟ้าเหลือง" มีความหมายอื่น ความหมายนั้นเป็นอย่างไรอาจพิจารณาได้ 2 แง่ คือความหมายในแง่ "ลางบอกเหตุ" และ "เรื่องธรรมชาติ"

ว่าด้วย "เรื่องธรรมชาติ" กันก่อน ฟ้าเหลืองของคนในอดีตก็หมายถึง "ฟ้าสีเหลือง" นั่นแหละ ซึ่งฟ้าสีเหลืองจะเกิดขึ้นได้ก็คือ "ช่วงเช้า"

เช่น ครูสุนทรภู่ เขียนไว้ใน "นิราศเมืองแกลง" ว่า "พอฟ้าขาวดาวเดือนลงเลื่อนลด อร่ามรถสุริยาเวหาเหลือง" แปลว่าพอเช้าดาวเดือนหายไปแล้ว ดวงอาทิตย์ก็ขึ้นจน "ฟ้าเหลือง"

ชัดขึ้นมาอีกหน่อยก็ใน "นิราศหนองคาย" ของหลวงพัฒนพงศ์ภักดี (ทิม สุขยางค์) แต่งสมัยรัชกาลที่ 5 คุณหลวงบอกว่า "ครั้นแรมสิบสามค่ำ ณ เดือนอ้าย เวลางายสูริยาส่องฟ้าเหลือง" อันนี้ชัดเจน เพราะ "งาย" แปลว่าเช้า รวมกันแล้วก็หมายถึง เวลาเช้าแสงอาทิตย์ส่องฟ้าเป็นสีเหลือง


ฟ้าเหลืองแบบอาเพศ

ส่วน "ฟ้าเหลือง" ในแง่ "ลางบอกเหตุ" ชาวบ้านเรียก "อุกาฟ้าเหลือง" ถือกันว่าเป็นฟ้าเหลืองแบบมีนัยสำคัญ คือจะเกิดขึ้นเป็นลางบอกเหตุไม่ดี หรือภัยพิบัติ เช่น "ลิลิตพระลอ" ใช้คำว่า "ฟ้าหล้าเหลืองอุบาทว์" บรรยายร่วมกับเหตุการณ์ร้ายอื่นๆ

"...บอกแก่เทพดาเสื้อเมือง ฟ้าหล้าเหลืองอุบาทว์ อากาศคลุ้มเปนควัน ฟ้าเครงครรชิตผ่า ใจเมืองบ้าดังจะผก หัวอกเมืองดังจะพัง..."

ส่วนใน "ขุนช้างขุนแผน" ตอนขุนแผนและพลายงาม ตีเชียงใหม่สำเร็จ ก็กวาดต้อนกษัตริย์เชียงใหม่ลงมาด้วย พอโดนต้อนขึ้นช้างออกจากประตูวังปุ๊บ พระเจ้าเชียงใหม่ก็รำพึงรำพันอาลัยในบ้านเกิดและทรัพย์สมบัติว่า

"เสียดายเอ๋ยเคยเล่นสนามจัณฑ์

นับวันก็จะลุ่มเป็นคลองเหมือง

ที่ท่าวังจะเป็นหาดน้ำขาดเคือง

ดินหล้าฟ้าจะเหลืองทั้งเมืองลาว"

อารมณ์คล้ายๆ เพลงยาวพยากรณ์ ทำนายจุดสิ้นสุดของกรุงศรีอยุธยา "พสุธาจะแดงเดือดดั่งเลือดนก อกแผ่นดินเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง" เป็นการเปรียบเปรยถึงภาพความล่มสลาย โดยใช้อาเพศฟ้าเหลืองเป็นสัญลักษณ์

คำว่า "ฟ้าเหลือง" ผันมาเป็นคำจำกัดความเรื่องการร่วมเพศจนไม่ได้หลับได้นอน หมดแรงข้าวต้ม เมื่อไหร่ อย่างไรไม่ทราบได้ แต่คาดว่าคงใช้ในบริบท "ทำอะไรสักอย่างยันเช้า" มานานแล้ว เช่น ใน "พระอภัยมณี" ก็พูดถึง "พวกคนใช้รีบไปลงเรือช่วง ครรไลล่วงถึงท่าพอฟ้าเหลือง" ประมาณว่าพายเรือกันยันเช้า

แม้ตอนนี้ไม่มีใครใช้คำว่า "ฟ้าเหลือง" ในความหมายว่าเวลาเช้า เวลาสว่าง อีกแล้ว และปัจจุบันฟ้าเหลืองก็ดูเหมือนจะกลายเป็นคำที่ส่อถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างสมบูรณ์ แต่คำนั้นไม่ได้ผิดอะไร เพราะมันเลื่อนไหลไปตามยุค อยู่ที่การเลือกใช้คำนี้ในสถานการณ์ใดต่างหาก จะฟ้าเหลืองที่เมืองทอง หรือเมืองไหนๆ ก่อนพูดต้องนึกถึงจิตใจคนฟังให้มากๆ

เพราะภาษิต "พูดดีเป็นศรีแก่ตัว พูดชั่วพาตัวตกต่ำ" ยังคงเป็นเรื่องจริงเสมอ

************************

ขอบคุณภาพปกจาก unsplash-logoDiego PH


วิฬาร์ ลิขิต
เสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์ตามแต่ปากอยากจะแกว่ง เรื่องที่คนทั่วไปสนใจ หรือใครไม่สนใจแต่ฉันสนใจฉันก็จะเขียน การตีความที่เกิดขึ้นไม่ใช่ที่สุด ถ้าจุดประเด็นให้ถกเถียงได้ก็โอเค แต่ถึงจุดไม่ติดก็ไม่ซี เพราะคิดว่าสิ่งที่ค้นๆ มาเสนอ น่าจะเป็นประโยชน์กับใครบ้างไม่มากก็น้อยในวาระต่างๆ จะพยายามไม่ออกชื่อด่าใครตรงๆ เพราะยังต้องผ่อนคอนโด แต่จะพยายามเสนอ Hint พร้อมไปกับสาระประวัติศาสตร์ที่คิดว่าน่าสนใจและเทียบเคียงกันได้
2Article
0Video
66Blog