ระลอกใหม่ของสงครามที่ “เป็นอาชญกรรมและทารุณโหดร้าย” ต่อประชาชนยูเครน คือสถานการณ์ที่สหรัฐฯ คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น หลังจาก วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียประกาศแต่งตั้งดโวร์นิคอฟเข้าคุมสงครามในยูเครน อย่างไรก็ดี เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านความมั่นคงระบุกับ CNN ว่า “ยูเครนจะไม่มีวันถูกปราบปรามโดยรัสเซีย มันไม่สำคัญว่าประธานาธิบดีปูตินจะพยายามแต่งตั้งใครเข้ามา”
การแต่งตั้งดโวร์นิคอฟเกิดขึ้นหลังจากที่รัสเซียตัดสินใจถอนกองกำลังของตนเองออกจากรอบกรุงเคียฟ เนื่องจากสงครามที่ยืดเยื้อแต่รัสเซียกลับไม่สามารถเข้ายึดเมืองหลวงของยูเครน และโค่นล้มรัฐบาลของ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้ตามแผนการของตน
ทั้งนี้ ดโวร์นิคอฟ ในวัย 60 ปี เคยมีบทบาทการเป็นหัวหน้ากองกำลังรัสเซียในปฏิบัติการสงครามกลางเมืองซีเรียเมื่อปี 2558-2559 โดยระหว่างช่วงปีนั้น กองทัพรัสเซียภายใต้การกำกับการของดโวร์นิคอฟเลือกใช้ยุทธวิธีที่รุนแรงโหดร้ายต่อชาวซีเรีย อาทิ การทิ้งระเบิดใส่สถานที่ของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในกรุงอเลปโป แต่กลับสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก
“นายพลคนนี้มีประวัติเรซูเมที่รวบรวมความทารุณโหดร้ายต่อพลเรือนในสถานที่อื่นๆ อาทิ ซีเรีย และเราคาดว่ามันอาจจะเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน (ในยูเครน)” ซัลลิแวนระบุ “นายพลคนนี้จะเป็นผู้ขีดเขียนอาชญากรรมและความทารุณโหดร้ายต่อพลเรือนยูเครน และสหรัฐฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำในทุกสิ่งที่เราทำได้ เพื่อให้การสนับสนุนชาวยูเครนที่ต่อต้านเขาและกองกำลังที่เขาบัญชาการ”
การตั้งดโวร์นิคอฟขึ้นมาโดยปูติน เป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่ารัสเซียพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในสมรภูมิรอบกรุงเคียฟ ส่งผลให้รัสเซียพยายามที่จะระดมสรรพกำลังและยุทธวิธีที่เหลือของตนในการเข้าทำสงครามทางดอนบาส ภูมิภาคทางตะวันออกของยูเครนที่มีกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งรัสเซียคอยให้การหนุนหลังมานานหลายปี
โดยนอกจากความกล้าหาญของชาวยูเครนกับการป้องกันประเทศและอำนาจอธิปไตยของตนแล้ว ยูเครนยังได้รับการช่วยเหลือทั้งด้านเศรษฐกิจและการทหารจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และชาติพันธมิตรอื่นๆ อีกมาก และจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อโลกตะวันตกคาดการณ์ว่ารัสเซียจะทำสงครามที่รุนแรงและโหดร้ายมากกว่าเดิมในดอนบาส
“ยูเครนชนะสมรภูมิเพื่อกรุงเคียฟ ตอนนี้มีอีกการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึง การต่อสู้เพื่อดอนบาส” ดมีทรี คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยูเครนระบุ อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวสอบถามความมั่นใจจากคูเลบาว่ายูเครนจะรับมือกับยุทธวิธีของดโวร์นิคอฟอย่างไร ทั้งนี้ คูเลบาตอบว่า “ไม่ว่ารัสเซียกำลังวางแผนจะทำอะไร เรามีกลยุทธ์ที่เชื่อมั่นว่าเราจะชนะสงครามในครั้งนี้ และเราจะปลดปล่อยดินแดนของเรา”
รัสเซียได้ถอนกำลังของตนเองออกรอบกรุงเคียฟและเชอร์นีฮีฟ ตลอดจนเมืองทางตอนเหนือของยูเครน ก่อนจะถอยเข้าไปยังเบลารสุหรือรัสเซีย อย่างไรก็ดี หลักฐานล่าสุดโดยภาพถ่ายดาวเทียมเปิดเผยว่า กองทัพรัสเซียเริ่มเคลื่อนกำลังพล รวมถึงรถถังปืนใหญ่ รถเกราะ และอุปกรณ์ทางการทหารของตนเอง ในขบวนที่มีความยาวกว่า 11 กิโลเมตร ไปยังพื้นที่คาร์คิฟ ตอนใต้ของยูเครนแล้ว
ที่มา: