สภามวยโลก (WBC) สถาบันกำกับดูแลและควบคุมการชกมวยระดับโลก มอบรางวัล Heroes of Humanity ให้กับ แมทธิว ดีน พิธีกรรายการมวยคนดังชาวไทย และนักร้อง นักแสดง และ ลิเดีย ศรัณย์รัชต์ ที่กล้าหาญเปิดเผยตนเอง หลังได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมปลุกกระแสให้บุคคลทั่วไปที่มีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังตัวเองก่อนที่จะแพร่ระบาดในประเทศไทยและกระจายไปทั่วโลก รวมถึง ผศ.นพ.วิชัย เตชะสาธิต ผู้บริหารทีมแพทย์โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ ที่ดูแลรักษาอาการป่วยของแมทธิวและลิเดีย ในฐานะผู้แทนบุคลากรทางการแพทย์ของประเทศไทย ถือเป็นบุคคลที่ควรได้รับการยกย่องให้เป็นแบบอย่างในการทำความดีเพื่อสังคม สภามวยโลก WBC จึงเห็นสมควรที่จะมอบรางวัลเชิดชูเกียร์ติให้เป็นสิ่งตอบแทนในการทำคุณงามความดีครั้งนี้
แมทธิว และ ลิเดีย เผยว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ แต่มองว่า ฮีโร่ตัวจริง คือ บุคลากรทางการแพทย์ที่เสียสละคอยดูแลผู้ป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมเผยช่วงเวลารักษาตัวกว่า 1 เดือน ที่ต้องห่างครอบครัว ทั้งวิตกกังวลและกลัว โดยที่ไม่รู้จุดหมายว่าจะหายจากโรคนี้เมื่อไหร่ แต่ปัจจุบันทั้งคู่หายป่วยโควิด-19 แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงอยากให้ทุกคนตระหนัก และระวังในการดูแลตนเอง เพราะทรมานทั้งร่างกาย จิตใจ โดยเฉพาะความเครียดเป็นสิ่งที่ทำให้เศร้าและกังวลมากที่สุด ย้ำ อยากให้ทุกคนยังคงรักษาระยะห่าง ทำตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ อย่าชะล่าใจ
แมทธิว : คนยกให้เป็นฮีโร่ก็รู้สึกแปลกๆ มันก็เขินๆ แหละ ฮีโร่ตัวจริง คือ คุณหมอพยาบาลทั่วโลกเลย จริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่เราเห็นอยู่ทุกวันและเห็นถึงการเสียสละของพวกเขาจริงๆ เขาไม่ได้กลับบ้าน นอนกินอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ เข้าก่อนเรา กลับหลังเรา 2-3 เดือน ผมว่ามันคือสุดยอดมนุษย์แล้วที่สามารถทำแบบนี้ได้ เพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยและคนทั่วโลก และเห็นใจ และขอบคุณเขาอีกครั้งหนึ่ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ น่าจะนับล้านแล้วล่ะ แต่ว่ายังไงเราก็อยากจะขอบคุณเขาเรื่อยๆ เรารู้สึกถึงความดีของพวกเขา เราได้เจออย่างใกล้ชิดมาครับ
“1 เดือนในโรงพยาบาลมันไม่สนุกครับ มันไม่สบายอย่างที่ทุกคนคิด มันมีหลายอย่างทั้งคิดถึงครอบครัว คิดถึงลูก คนที่อยู่รอบข้างเรา อย่าเจอกับมันดีที่สุด เพราะฉะนั้นต้องช่วยกัน กัดฟันสู้อีกระยะหนึ่ง การ์ดอย่าตก โดนทุกวงการครับ วงการบันเทิง วงการมวย วงการท่องเที่ยว ร้านอาหาร รู้สึกหมด เศร้า เราก็เห็นใจจริงๆ ครับ กับทุกคนๆ เพรารู้ว่ามีคนที่ลำบากกว่าเราเยอะเลย แต่ละวันก็ไม่รู้จะกินอะไร ก็เข้าใจครับ แต่ว่าเพื่อที่จะมีประเทศไทยกลับมาเหมือนเดิม คงต้องสู้กับมันอีกสักนิดหนึ่งครับ”
แมทธิว ยังกล่าวต่อว่า "การที่เราติดโควิด-19 ในครั้งนี้มันทำให้คน แม้แต่คนเดียวไม่ตาย หรือว่าไม่ติดเชื้อ ผมก็ดีใจแล้วแหละ ซึ่งมันอาจจะมีผลจากการที่เราได้ประกาศกันไป เราก็มีความหวังดี เป็นห่วงคนรอบข้าง ครอบครัว คนร่วมงาน เป็นห่วงทุกคนที่เราเจอในตอนนั้น ว่าเป็นแล้วก็ไมรู้จะเป็นยังไงจะหนักแค่ไหน เราเองเป็นคนสุขภาพค่อนข้างจะดีแข็งแรง ก็ยังไม่รู้เลยว่า เราจะทรุดเมื่อไหร่ หรือจะแย่ขนาดไหนในอนาคต เพราะฉะนั้นคนที่อายุมากกว่าเรา อ่อนแอมากกว่าเรา ก้เป็นคนที่เสี่ยงมากกว่าเราด้วยซ้ำ เราไม่อยากให้ใครมาเป็น"
ในขณะที่ ลิเดีย ได้เล่าความยากลำบากในช่วงการรักษา ที่ทำให้เธอต้องร้องไห้อยู่บ่อยครั้งว่า
“คือต้องบอกว่าบางวันตื่นมาแล้วไม่อยากตื่น ตื่นมาแล้วมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแล้วเป็นผู้ป่วยโควิด มันเป็นการสู้ ที่ไม่ใช่สู้แค่กับไวรัส สู้กับจิตใจของตัวเองด้วยว่า เมื่อไหร่เราจะได้กลับบ้าน เมื่อไหร่จะได้เจอลูก มันลงไปในปอดแล้ว มันจะลามอีกไหม คุณหมอจะรักษาเราแล้วหายไหม ยาที่เรากินไปทั้งหมดมันจะฆ่าไวรัสหรือเปล่า หรือว่าไวรัสมันยังมีชีวิตอยู่ คือ มันมีหลายสิ่งหลายอย่างมากที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน คือ ไม่มีใครตอบได้ คุณจะหายไหม คุณจะตายไหม มันจะลามมากกว่านี้ไหม คุณจะหายได้เมื่อไหร่ มันจะออกเป็นผลลบได้เมื่อไหร่ มันมีหลายอย่างที่เราไม่รู้ มันก็ทรมาน ในช่วงแรกเราก็เข้มแข็งไว้ ทุกอย่างก็โอเคก็ไม่มีร้องไห้ แต่พออยู่ไปนานๆ บางวันก็ไม่ไหวแล้ว ก็จะมีร้องไห้ออกมาบ้าง”
ทั้งคู่ยังเล่าว่า การรักษากว่าที่ผลจะเป็นลบ และออกจากโรงพยาบาล ต้องใช้เวลาตรวจถึง 13 ครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าผลจะเป็นลบเมื่อไหร่ ลุ้นทุกครั้งที่ตรวจ และต้องตรวจให้ได้ผลลบ ถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งที่ผ่านมาพวกเขาเคยตรวจเป็นผลลบ แล้วก็มีกลับมาบวก ก็ต้องเริ่มต้นรักษาใหม่ ขั้นตอนรักษาคือ รออย่างเดียว ซึ่งโชคดีที่ไวรัสที่ลงปอดของทั้งคู่อยู่ในเคสที่ไม่ได้หนักมาก การรักษาหลังจากออกจากโรงพยาบาล จึงค่อยๆ มาฟื้นฟู โดย แมทธิว กลับมาเริ่มออกกำลังกายได้ตามปกติ แต่แรกๆ มีเหนื่อยบ้างเพราะหยุดไปนาน ต้องใช้เวลาฟื้นฟู พร้อมระบุว่า "ตอนนี้ความฟิตของร่างกายกลับมาที่ 95 เปอร์เซ็นต์แล้ว"
ส่วนลิเดีย หลังออกจากโรงพยาบาล เวลาไอยังคงมีอาการแน่นหน้าอก ซึ่งก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูปอดสักพัก โดยตอนนี้หายครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว
ลิเดีย ยังเผยความรู้สึกทั้งน้ำตา ถึงทีมแพทย์ที่เปรียบเสมือนกำลังใจ และเป็นที่ยึดเหนี่ยว คอยดูแลตอนป่วยนานนับเดือน จนเป็นที่มาของมิวสิกวีดีโอ เพลงรัก ที่ทำออกมาเพื่อขอบคุณทีมแพทย์โดยเฉพาะ
"ตอนนั่งฟัง อ.วิชัย ตอบคำถามสัมภาษณ์ ก็รู้สึกว่าเสียงเสียงนี้ มันเป็นเสียงที่ทำให้ เราในวันที่กังวล กลัวมาก มีกำลังใจขึ้นมาเยอะมาก (ร้องไห้) อยากขอบคุณคุณหมอ มันเป็นเสียงในวันที่ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีคำตอบว่า คุณจะอยู่ คุณจะรอด คุณจะเป็นอะไรไหม เขาจะคอยให้กำลังใจเราตลอด คุณจะโอเค ทุกอย่างมันดี ทุกอย่างดูโอเคอยู่ เราจะรักษาอย่างดีที่สุด เป็นเสียงที่คุ้นเคย”
และในขณะที่สังคมมองว่า วงการมวย กำลังโดนโจมตี ว่าเป็นสาเหตุในการแพร่เชื้อ โควิด-19 ในวงการ ในทัศนะของ แมทธิว ในฐานะที่ติดเชื้อจากสนามมวย เขามองว่า
"มันพูดยาก แต่จริงๆ ไม่อยากให้มองว่า จุดเริ่มต้นมาจากสนามมวย ผมเชื่อว่าและหมอหลายๆ ท่าน ก็ได้พูดว่า ถ้าไม่ติดตรงนั้น ก็ต้องมีจุดอื่นครับ มันต้องมีจุดเริ่มต้น ดังนั้นโทษกันไปเปล่าๆ ก็ไม่ได้ประโยชน์ รวมถึงต้องกลับมามองในถึงแง่ว่า มวยกับประเทศไทยมีความผูกพัน และมีความสัมพันธ์กันมา ในระยะกี่สิบปี มวยไทยเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับประเทศไทยครับ ขาดไปก็ไม่ดีครับ ผมอยากให้มองในแง่ดีว่า การติดเชื้อในสนามมวยในวันนั้นของผมและท่านอื่นๆ ยังดีกว่าท่านอื่นๆ เพราะทุกคนที่อยู่ในนั้นมักจะรู้จักกัน สามารถที่จะตามตัวได้ และสามารถรู้ว่าใครไปไหนมา และกำลังไปไหนต่อไป ไม่ได้เป็นสถานที่อื่น อย่างเช่น คอนเสิร์ต หรือ อะไรแล้วแต่ที่ว่า ไม่มีใครรู้จักกัน อยากให้มองตรงนั้นไป แล้วก็ไม่อยากให้โจมตีทางการมวยโดยไม่มีเหตุผล ผมเชื่อว่าคนมวยหลายๆ คนโดนหนักกว่าวงการอื่นๆ เพราะถือว่าเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีตัวตนเท่าไหร่ อาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์ใดหรืออะไรสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น พอรายได้ขาดไป ก็รู้สึกหนักและเหนื่อยมากๆ เลย อยากให้มองถึงจุดดีตรงนั้น และการแพทย์ไทยที่เก่งสุดๆ เลย ทำให้ยอดของเราอยู่ในจำนวนที่พอรักษาได้"
ซึ่งสำหรับ แมทธิว ดีน ที่เป็นส่วนหนึ่งของคนในวงการมวย มีค่ายมวยคงสิทธา เขาเองยอมรับว่าได้รับผลกระทบและความเสียหายไปไม่น้อยกว่าวงการอื่นๆ
"มูลค่าของประเทศผมไม่ทราบจำนวนแน่นอน แต่สำหรับตัวผมและค่ายมวยผมเอง รายได้ไม่มีมีแต่รายจ่าย ก็มีผลกระทบอย่างแน่นอน ก็เหมือนทุกวงการ ร้านอาหาร ก็เหมือนกัน ร้านเสริมสวยก็เหมือนกัน แต่ว่าเราต้องมองไปที่ประโยชน์ของส่วนรวมครับ เรารับได้กับนโยบายของรัฐหรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ปิดก็ต้องปิดครับ มันหนัก มันเหนื่อย มันเศร้าสำหรับทุกคนจริงๆ แต่ว่าถ้าเราทำตามของผู้เชียวชาญแนะนำ มันก็ไม่มีวันที่จะเปิดได้ หรือเปิดเร็วก็อาจจะต้องปิดใหม่ ซึ่งเสียหายมากกว่าเดิมด้วยซ้ำครับ"
แมทธิว ทิ้งท้ายว่า นี่อาจจะเป็นเรื่องที่หนักที่สุดที่เราต้องเจอมา แต่ว่าถ้าเกิดเราสู้ไปด้วยกัน ลุยไปด้วยกัน เราต้องกลับมาเหมือนเดิม ซึ่งผมก็รอวันขึ้นไปกลับเวทีมวยอีกครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :