การแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 2 ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ นับเป็นครั้งแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อรัฐสภาที่มี ส.ส.ฝ่ายค้านคอยทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลกำกับการบริหารราชการแผ่นดิน
รัฐบาล ประยุทธ์ 2 แถลงนโยบาย ไม่ง่ายเหมือนปี 57
เป็นครั้งแรกที่การแถลงนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องแถลงต่อรัฐสภา ที่เป็นสภาผู้แทนราษฎร มาจากการเลือกตั้ง
ไม่ใช่การแถลงในรัฐสภาต่อหน้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คอยนั่งปรบมือให้อดีตหัวหน้า คสช. เฉกเช่นที่เคยปฏิบัติมาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
(พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งเป็นหัวหน้า คสช. แถลงต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2557)
ย้อนดู 'สุจินดา' เผชิญหน้าฝ่ายค้านต้านสืบทอดอำนาจ
บทเรียนทางประวัติศาสตร์ การสืบทอดอำนาจของหัวหน้าคณะรัฐประหารด้วยการชุบตัวผ่านการเลือกตั้ง กับถ้อยคำ "เสียสัตย์เพื่อชาติ" จาก พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตรองประธานสภารักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ยังคงแจ่มชัด ในบันทึกการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1/2535 หน้าที่ 2-127 เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2535
พลันสิ้นเสียงแถลงนโยบายข้อที่ 14 ของ ครม.คณะที่ 48 โดย พล.อ.สุจินดา
ส.ส.ฝ่ายค้านในขณะนั้นนำโดยพรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดฉากโจมตีนโยบายของรัฐบาล พล.อ.สุจินดา รวมทั้งถล่มคุณสมบัติความชอบธรรมการเป็นนายกรัฐมนตรีที่เสียสัจจะ
ซึ่งไม่ต่างจากปี 2562 ที่พรรคฝ่ายค้านก็จะเปิดฉากชำแหละ - ถล่มคุณสมบัติของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะที่เป็นผู้นำรัฐประหาร เป็นหัวหน้า คสช. ไม่ได้มาจาก ส.ส. ในประเด็นเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่อาจขัดต่อคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี
พรรคฝ่ายค้านเมื่อปี 2535 ได้อภิปรายฉายภาพให้ปวงชนชาวไทยเห็นถึงความอัปลักษณ์จากการสืบทอดอำนาจหลังการยึดอำนาจของรัฐบาลทหาร อันทำลายระบอบประชาธิปไตย
'พ่อใหญ่' ประเดิม ฉะเลือกตั้งสกปรก
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ส.ส.นนทบุรี หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ซึ่งเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ในวัย 60 ปี อดีตผู้บัญชาการทหารบก เปิดหัวโชว์ฝีปากคนแรกฉะรัฐบาล ซึ่งบางท่อนบางตอนยังคล้ายคลึงกับสังคมไทยปี 2562 อย่างไม่น่าเชื่อ
"..มีการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวกันว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2521 เอาไปทั้งฉบับ ฉีกเป็นเสี่ยงๆ แล้วเอาคืนมาเสี้ยวเดียว แล้วท่านบอกเป็นประชาธิปไตยแล้ว"
"การเลือกตั้งแต่ละปีที่ผ่านมา 2516-2529-2531 การใช้เงินในการเลือกตั้งอันไม่ชอบไม่ควรนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่ในปี 2535 มีคนกล่าวว่าใช้เงินในการเลือกตั้งรวมทั้งสิ้นถึงหนึ่งหมื่นล้านบาทเป็นความจริงหรือไม่... การจัดตั้งรัฐบาลก็เช่นเดียวกัน เป็นการจัดตั้งในครรลองหรือระบอบประชาธิปไตยหรือไม่"
'ชวน' กรีดคุณสมบัติ 'สุจินดา' เสียสัตย์ ทำลายประชาธิปไตย
ไม่แพ้กันก็ นายชวน หลีกภัย ส.ส.ตรัง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะอายุ 54 ปี เจ้าของฉายา ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง และเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรในปัจจุบัน และเคยเป็นประธานสภาฯ เมื่อปี 2529 – 2531 อภิปรายถัดจาก พล.อ.ชวลิต
"ท่านนายกรัฐมนตรี ไม่ค่อยจะมีความเชื่อมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย... ถ้าไม่เชื่อแล้ว อันตรายครับ... ท่านพูดว่าท่านเกลียดการเมือง ไม่ค่อยชอบนักการเมือง ไม่อยากเป็นคนเลวอันดับที่ 2 รองจากเซลล์แมนขายรถเก่า"
'ชวน' ชำแหละรัฐบาล พล.อ.สุจินดา กลางรัฐสภาว่า ขอใช้สิทธิอภิปรายและซักถามนโยบาย และอภิปรายถึงความเหมาะสม ก่อนเริ่มลงมือกรีด ภาพรวมว่า มีความพยายามจะลอกแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 มาทุกเรื่อง ไม่มีมาตรการวิธีการที่ชัดเจนในบางเรื่องที่กำหนดได้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมว่า เรื่องนี้ต้องสำเร็จในระยะเวลาเท่าไร ที่รัฐบาลแถลงจะทำอ้ายนั่นอ้ายนี่ ล้วนแล้วแต่ใช้เงิน จึงสนใจว่า เอาเงิน เอาทรัพยากรมาจากไหน
"ผมจำได้ท่านบอกว่าพรรคเก่าบางพรรคตั้งมา 50-60 ปีไม่โต ที่มันไม่โตไม่ใช่ความผิดของพรรคหรอก มันไม่โตเพราะว่ามันถูกทำลายด้วยกระบวนการปฏิวัติ ด้วยกระบวนการที่ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย บังเอิญผู้พูดกับผู้แถลงนโยบายก็เป็นคนเดียวกัน"
"ต่อไปนี้บ้านเมืองเรา เราไม่มีทางย้อนกลับไปสู่เส้นทางเก่าได้อีกแล้ว ถึงเวลาที่เราจะต้องไปข้างหน้า มันจะฝืนใจท่าน ท่านต้องยอมรับ ประเทศชาติไม่ได้อยู่ด้วยตัวท่านคนเดียวหรือผมคนเดียว มันอยู่ด้วยประชาชน ต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้ และต้องยอมรับความเติบโตของพรรคการเมือง"
"เราต้องไปข้างหน้าเพื่อเป็นประชาธิปไตย ขณะนี้ปี 2535 ท่านอย่าประเมินเหตุการณ์ว่าปีนี้คือปี 2519 ปีที่ผมต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาตัวรอดในข้อหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ของพวกท่าน ปีนี้คือปี 2535 คนไทย 56 ล้านคนเขาตื่นตัว เข้าใจประชาธิปไตยมากแล้ว"
"ต้องยอมรับว่าพรรคการเมืองของเราก็ยังไม่เติบโตนัก เพราะข้อมูลจริงๆ นั้นต้องยอมรับ 59 ปีที่ผ่านมา พรรคการเมืองของเราต้องล้มลุกคลุกคลาน เมื่อตั้งตัวจะเติบโต ก็ถูกพวกวัชพืช พวกพืชกาฝาก พวกปฏิวัติ พวกปฏิรูป พวกทรราช บั่นทอนทำลายปฏิวัติยกเลิกพรรคการเมือง เป็นผลให้ความต่อเนื่องไม่เกิด" ชวน หลีกภัย ระบุ
"ผู้ที่แถลงนโยบาย (พล.อ.สุจินดา คราประยูร) ท่านมีส่วนร่วมล้มพรรคการเมือง ท่านไม่เคยมีส่วนร่วมสนับสนุนพัฒนาพรรคการเมือง ท่านมีแต่ส่วนร่วมทำลายพรรคการเมือง ผมจำได้ท่านบอกว่าพรรคเก่าบางพรรคตั้งมา 50-60 ปีไม่โต ผมเคยกราบเรียนว่า ที่มันไม่โต มันไม่ใช่ความผิดของพรรคหรอก มันไม่โตเพราะว่ามันถูกทำลายถูกทำลายด้วยกระบวนการปฏิวัติ ด้วยกระบวนการไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย บังเอิญท่านผู้พูดกับผู้แถลงนโยบายก็เป็นคนเดียวกัน" ชวน หลีกภัย ปี 2535
โวหารเชือดผู้นำรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารของนายชวน ยังอภิปรายท่อนหนึ่งด้วยวาทะคมกริบเหมือนเชือดเฉือนไปยังขั้วหัวใจของ พล.อ.สุจินดา ว่า
"กราบเรียนท่านประธานด้วยความเคารพว่าในแง่คุณสมบัติตัวบุคคลนั้นผมข้องใจ ข้องใจในนี้ไม่ใช่เกิดจากผม เกิดจากตัวนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตั้งประเด็นมาตั้งแต่ต้น เราจะเปลี่ยนความเชื่อง่ายๆ เหมือนอย่างท่าน เราทำไม่ได้ เราปลูกฝังความเชื่อมาอีกอย่างหนึ่ง ให้ยึดมั่นในความถูกต้อง ให้ซื่อสัตย์ ให้รักษาสัจจะ ผมเรียนลูกเสือมาตั้งแต่เด็ก เสียชีพ อย่าเสียสัตย์ ผมไม่พูดอะไรง่ายๆ ผมรู้เหมือนอย่างที่นายกฯ รู้ว่า เมื่อพูดอะไรไปแล้วคำพูดเป็นนายผม"
บางท่อนบางตอนแสนคมกริบจาก ส.ส.ตรัง ประมุขพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เชื่อมั่นในความก้าวหน้า เชิดชูระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านการปฏิวัติรัฐประหาร ทว่าตลกร้ายที่ปี 2562 นี้ อดีตผู้นำพรรคเก่าแก่ ต้องเข้าร่วมรัฐบาลประยุทธ์2 พร้อมรับตำแหน่งประมุขฝ่ายนิติบัญญัติอย่างกล้ำกลืน แม้จะไม่ได้เห็นใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง แต่ก็หวังว่า ประธานการประชุม จะเปิดกว้างให้ 7 พรรคฝ่ายค้านอภิปรายอย่างกว้างขวางอย่างวันวานของผู้อาวุโสในอดีต
'จาตุรนต์' ส.ส.ดาวรุ่ง ความหวังใหม่ ฉะคุณสมบัติ - ยกโคลงเย้ย 'สุจินดา'
นอกจากนี้ ยังมี ส.ส.ฝ่ายค้านหลายราย อภิปรายทั้งในแง่คุณสมบัตินายกฯ และแนวนโยบายของรัฐบาล อย่างดุเดือด ไม่ว่าจะเป็น นายบุญชู โรจนเสถียร ส.ส.นครสวรรค์ หัวหน้าพรรคเอกภาพ ชี้ปมปัญหาความยากจนสาหัสสากรรจ์ของสังคมไทยในขณะนั้น ลงลึกในรายละเอียดข้อมูลของนโยบายรัฐแต่ละด้าน โดยเฉพาะทางการเกษตรผลผลิตแต่ละพืชผล ไล่ตั้งแต่กระบวนการผลิตที่ล้าหลัง จนถึงเสถียรภาพราคาในระบบตลาด
นายอุทัย พิมพ์ใจชน ส.ส.ชลบุรี พรรคเอกภาพ ชี้ว่า ประเทศเจริญแล้วที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย จะไม่มีข่าว เรื่องแจกน้ำ แล้วน้ำ จะเห็นแต่ประเทศที่ปกครองโดยเผด็จการ หรือที่มีปฏิวัติรัฐประหารบ่อยๆ เท่านั้นแหละ ที่ประชาชนต้องมารอน้ำ รองของแจก รอหมอมารักษา ล้วนแล้วเกิดจากประเทศด้อยพัฒนา ไม่มีประชาธิปไตย
ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคความหวังใหม่ ในวัย 36 ปี ซึ่งเป็น ส.ส.หนุ่มรุ่นใหม่ อ่านโคลงโลกนิติในแบบเรียนเด็กกลางสภาฯ โดยกระทุ้งตรงไปที่สัจจะของ พล.อ.สุจินดา ที่เสียสัตย์เพื่อชาติ มานั่งเป็นนายกรัฐมนตรี ว่า
“...งาสารฤาห่อนเหี้ยน หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น เล่ห์ลิ้นทรชน...”
"ถ้ารัฐมนตรีเหล่านั้นไม่ได้ทุจริต ท่านไปยึดอำนาจเขาทำไม" จาตุรนต์ ฉายแสง
27 ปีก่อนหน้า 'วีระกร' เจ้าเก่า องค์รักษ์พิทักษ์พรรคสืบทอดอำนาจทหาร
บันทึกการประชุมในครั้งนั้นยังมีบรรยากาศที่ค่อนข้างดุเดือด จากถ้อยคำที่ฝ่ายค้านโจมตีรัฐบาลที่มาจากการสืบทอดอำนาจหลังยึดอำนาจ อย่างตรงไปตรงมา บางครั้งก็มีการกล่าวติดตลกเพื่อลดความตรึงเครียดจากประธานรัฐสภาและ ส.ส.ให้เปิดแอร์ในห้องประชุมให้เย็นขึ้นเพื่อดับร้อน
ขณะเดียวกันก็ยังพบการประท้วงขัดจังหวะ จาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเป็นระยะ เช่น นายวีระกร คำประกอบ ส.ส. นครสวรรค์ พรรคสามัคคีธรรม ซึ่งปัจจุบันเขาก็ยังเป็น ส.ส.นครสวรรค์ สังกัดพรรคพลังประชารัฐ มองว่า ฝ่ายค้านอภิปรายนอกกรอบนโยบาย ส่วนฝ่ายค้านเองก็ประท้วงนายวีระกร ว่า คอยทำหน้าที่ตอบคำถามแทนรัฐมนตรีทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่เช่นเดียวกัน
"คงจะไม่มีใครหรอกครับที่อยากได้คนจากคนกลางเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าหากว่าไม่มีความจำเป็น" นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคสามัคคีธรรม ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกโจมตีว่าสืบทอดอำนาจให้กับ รสช. ปกป้องคุณสมบัติ พล.อ.สุจินดา
(วีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในอดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคสามัคคีธรรม)
27 ปีต่อมา นายวีระกรยังคงบทบาทมือประท้วงแถวหน้าของพรรครัฐบาล เมื่อเป็น 1 ใน 20 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เคลื่อนที่เร็ว พร้อมคุ้มกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จากการรุมถล่มของ 7 พรรคฝ่ายค้านปีกประชาธิปไตย
และ 25 ก.ค. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งไม่ได้เป็น ส.ส. ได้เผยคำแถลงนโยบายในเอกสารหน้า 35 ทิ้งท้ายไว้ว่า "รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นแก่รัฐสภาและประชาชนไทยทุกภาคส่วนว่า จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และยึดประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนชาวไทยเป็นที่ตั้งอย่างแท้จริง เพื่อให้ประเทศไทยก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน"
ในขณะที่ 27 ปีก่อนหน้านี้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกฯคนที่ 19 ก็ทิ้งท้ายคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้ว่า "รัฐบาลจะมุ่งปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงมานี้อย่างเคร่งครัดด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อนำประโยชน์สูงสุดมาสู่ประชาชน และความเจริญก้าวหน้ามาสู่ประเทศชาติ"
ถึงบรรทัดนี้คงรู้สึกคล้ายคลึงกับปี 2562 อย่างเหลือเชื่อ
แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า ทั้งหมดคือเหตุการณ์ในปี 2535 ทว่าบริบทค่อนข้างจะคล้ายคลึงกัน เมื่อผู้นำคณะรัฐประหารสวมเสื้อคลุมประชาธิปไตยสืบทอดอำนาจผ่านการเลือกตั้ง กลยุทธ์ยิ้มสู้ ม้าเร็วสกัดตัดขา จะหยุดยั้งน็อตท่านผู้นำไม่ให้หลุดได้หรือไม่ และจุดจบจะลงเอยอย่างไรยังต้องติดตาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง