พรรคเพื่อไทย จัดเสวนา “ประชาชนการ์ดไม่ตก รัฐบกพร่อง ร่วมหาทางออกกับพรรคเพื่อไทย” ที่ห้อง Think Lab ชั้น 1 ที่ทำงานพรรค โดยวิทยากรกอบด้วย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรค, ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทยและ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์วงลี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการคลัง ดำเนินรายการโดย อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 ซึ่งเป็นไวรัสกลายพันธุ์ เกิดจากการนำเข้าเเรงงานข้ามชาติที่ผิดกฎหมายและสิ่งที่คนไทยต้องทำคือ ต้องไม่กลัว แต่ต้องไม่ประมาท เพราะอัตราการเสียชีวิตไม่มากเท่าระลอกแรก หรือกลายพันธุ์ทำให้ความรุนแรงไวรัสน้อยลงด้วย พร้อมเสนอมาตรการภาครัฐว่า ควรล็อคเฉพาะจุดอย่างเข้มงวด ไม่ควรล็อกดาวน์แบบเหวี่ยงแหเหมือนการระบาดระลอกแรกเพราะไม่ได้ผล พร้อมๆ กับการที่ประชาชนป้องกันตัวเอง รวมทั้งป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น อย่างการสวมหน้ากากอนามัยอย่างเข้มงวดด้วย
ประเสริฐ ระบุว่า รัฐบาลไทยปัดความรับผิดชอบในการรับมือโควิด-19 มาตั้งแต่การระบาดระลอกแรก ด้วยการผลักภาระให้ประชาชนดูแลตัวเองอย่างเดียว และเมื่อมีการระบาดระลอก 2 ก็ไม่มีแผนหรือมาตรการรับมือ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าประชาชนไม่ได้การ์ดตก แต่รัฐบาลเป็นฝ่ายการ์ดตกเสียเอง ส่วนปัญหาการลักลอบนำเข้าเเรงงานผิดกฎหมายหรือกรณีบ่อนการพนันผิดกฎหมายที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อนั้น รัฐบาลต้องจริงจังในการแก้ปัญหาโดยเสนอว่า (1.) รัฐบาลต้องปราบปราบเเหล่งการพนัน แหล่งมั่วสุมและแหล่งอบายมุขตามที่ต่างๆ อย่างเด็ดขาด และ (2.) เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19
กิตติรัตน์ กล่าวว่า การระบาดรอบนี้หากรัฐบาลแก้ไขไม่ดี จะทำให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลงอย่างน้อยทั้ง 4 ภาคส่วนคือ 1)ภาคประชาชน ที่จะขาดรายได้ ภาวะตกงาน, 2) ภาคธุรกิจ ทั้งรายย่อย, ขนาดกลาง และรายใหญ่, ภาคธนาคารพาณิชย์ ที่เผชิญและแบกรับจากมาตรการต่างๆ และภาคการคลังของประเทศที่เสี่ยงล้มละลาย
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทย เสนอ 5 มาตรการที่เป็นทางออกจากโควิด-19 ระลอก 2
1. อย่าล็อกดาวน์เป็นวงกว้างโดยเด็ดขาด
2. เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว
3. พักชำระหนี้หรือดอกเบี้ยเงินต้นต่อไป
4. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ soft loan ที่ต้องรวดเร็วและลดเงื่อนไขลงจากเดิมด้วย
5.) มีฟันเฟืองที่สามารถผลักเศรษฐกิจเคลื่อนไปข้างหน้าได้คือ ภาคส่งออก ที่ต้องดูแลอัตราเเลกเปลี่ยนไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากขึ้น และ "ภาคการใช้จ่ายภาครัฐ"
อ่านเพิ่มเติม