22 ก.ย.2566 ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดแสดงความเห็นข้อกฎหมายที่ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลฎีกาตัดสิทธิตลอดชีวิต พรรณิการ์ วานิช ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เหตุจากที่ป.ป.ช.ร้องว่ามีการโพสต์ภาพและข้อความ 6 ครั้งพาดพิงสถาบัน อ่านที่ https://www.voicetv.co.th/read/W2oEPzNDQ
ในช่วงท้ายของการไลฟ์ดังกล่าว ปิยุบตร กล่าวถึงกรณีวิจารณ์พรรคก้าวไกลว่าแสดงออกท่าทีเรื่องดังกล่าวช้าไปว่า ยอมรับตรงไปตรงมาว่าตนเองอินกับเรื่องนี้มาก เพราะพรรคก้าวไกลมีพรรคที่มีจุดยืนกับเรื่องนิติสงครามแบบนี้ตลอดมา และพรรณิการ์ไม่ใช่อื่นไกล เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ก็เลยวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา
“ผมทราบว่ามีคนไม่เห็นด้วยจำนวนมาก บ้างว่าผมใจร้อน บ้างว่าผมไม่อ่านไลน์กลุ่ม บ้างสงสัยหวังดีกับพรรคหรือเปล่า ก็น้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ แต่อยากชี้แจงว่า ผมไม่มีโอกาสเข้าไปแนะนำอะไรในพรรคก้าวไกลเขา บางคนบอกทำไมไม่คุยเงียบๆ ยกหูหากัน ในทางกฎหมายผมถูกห้ามอยู่แล้วห้ามครอบงำพรรค และในทางเป็นจริงก็ไม่มีโอกาสไปแนะนำแนะแนวใครเลยในพรรค ดังนั้น สส. 151 คนและผู้นำของพรรค ผมจะสื่อสารอะไรได้ นอกจากโพสต์ในที่สาธารณะ เพื่อเป็นหลักประกันชัดเจนว่าทุกคนได้อ่านแน่นอน” ปิยบุตรกล่าว
ปิยบุตร ยังชี้แจงต่อว่า อยากให้ประชาชนลองคิดดูว่าการวิจารณ์พรรคก้าวไกลของเขานั้นได้ประโยชน์ส่วนบุคคลอะไรบ้าง ตรงกันข้ามมีแต่คนเกลียดเพิ่มขึ้นด้วย จากในอดีตโดน IO ฝ่ายรัฐ เล่นงานมากว่า 10 ปี ช่วงเลือกตั้งก็โดนวิจารณ์จากผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ซึ่งเข้าใจได้เนื่องจากเป็นการแข่งขันกันเข้มข้น ตอนนี้เมื่อวิจารณ์พรรคก้าวไกลก็ยังโดนผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลก็วิจารณ์อย่างหนัก
“ถามว่าทำไมยังวิจารณ์ คำตอบสั้นๆ คำเดียว ผมยังเชื่อมั่นในพรรคก้าวไกลอยู่ว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลง และด้วยความเชื่อมั่นแบบนี้ก็ต้องพูดกันตรงไปตรงมา ใครจะวิจารณ์ผมทำได้เต็มที่ ไม่มีลบโพสต์ ไม่มีดำเนินคดี แต่อยากให้เข้าใจว่าผมไม่ได้ประโยชน์อะไรส่วนตัวแน่ๆ ผมอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงสังคมไปทางที่ดีขึ้น” ปิยบุตรกล่าว
เขากล่าวด้วยว่า ตอนนี้ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอาจยังไม่พร้อมให้สำหรับคำวิจารณ์ของตนเอง จากนี้ไปเหลือข้อเขียนอีกชิ้นหนึ่งที่เขียนไว้นานแล้วกำลังจะเผยแพร่เพื่อนำไปพิจารณาดูเผื่อเป็นประโยชน์ หลังจากนั้นจะพยายามไม่พูดอะไรถึงพรรคก้าวไกลอีก ตอนนี้เกิดอารมณ์เบื่อเพราะโดนหมดทุกทาง จึงคิดว่าน่าจะไปพักผ่อน งดบทบาทในการแสดงความเห็นในที่สาธารณะบ้าง ดังนั้น ไม่กล้ารับปากว่าจะมีไลฟ์แบบนี้อีกเมื่อไร ส่วนข้อเขียนต่อไปก็อาจเป็นเรื่องอื่นๆ เช่น หนัง ฟุตบอล แทน และตั้งใจจะกลับไปเขียนตำราวิชาการที่เขียนค้างไว้ รวมทั้งยินดีหากจะมีสถาบันการศึกษาใดเชิญให้ไปสอนหรือบรรยายพิเศษในงานวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญ
“เรื่องการเมืองก็ให้เขาว่ากันไปตามบทบาทของแต่ละคน” ปิยบุตรกล่าว