ตามที่ปรากฎเป็นข่าว กรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ กับพวกต้องหาว่ากระทำความผิด เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายเเก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำการทารุณโหดร้าย เเละได้มีการเผยเเพร่ในสื่อสาธารณะได้รับรู้โดยทั่วไปว่า ผู้ต้องหาได้มีการครอบครองรถยนต์ จำนวน 29 คัน เเละมีรถยนต์ราคาเเพง หรือรถหรู รวมอยู่ในนั้นด้วย
ล่าสุดวันนี้ (26 ส.ค.64) พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้เเจงว่าได้ตรวจสอบฐานข้อมูลในระบบบริหารคดีของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า ในจำนวนรถยนต์ที่ปรากฎเป็นข่าว มีรถยนต์หรูยี่ห้อลัมโบร์กินี ซึ่งเป็นคดีพิเศษ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับผิดชอบ เเละได้มีการดำเนินคดีกับขบวนการผู้ร่วมกันกระทำผิด รวม 8 ราย ที่ร่วมกันนำรถยนต์ใหม่สำเร็จรูปจากต่างประเทศ มาในราชอาณาจักร โดยสำเเดงราคานำเข้าเป็นเท็จต่ำกว่าราคาซื้อขายที่เเท้จริง เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหาย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ส่งสำนวนการสอบสวน ตั้งเเต่วันที่ 22 สิงหาคม 2562 ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบของ DSI ได้เสร็จสิ้นลงเเล้ว ขณะนี้อยู่ในชั้นอัยการ
โดยรถคันดังกล่าว
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบการครอบครองรถครั้งเเรกเป็นของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ จากนั้นได้มีการโอนไปเป็นชื่อของบุคคลอื่นในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เเต่ไม่ทราบว่ามีการซื้อขายกันอย่างไร โดยการดำเนินคดี จะต้องดำเนินคดีกับผู้นำเข้า ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ครอบครอง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้กำกับโจ้เป็นผู้ซื้อ จึงไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี โดยเป็นการซื้อปกติ เเบบการผ่อนชำระ ย้ำว่าผู้กำกับโจ้ไม่มีส่วนรู้เห็นในการนำเข้า
อย่างไรก็ตาม จากจำนวนรถหรูของผู้กำกับโจ้ เบื้องต้นพบว่ามีเพียงรถยี่ห้อลัมโบร์กินี คันนี้เพียงคันเดียวที่ผิดปกติ โดยรถคันดังกล่าว เป็นการนำเข้ามาทั้งคัน ไม่ได้จดประกอบภายในประเทศ
ทั้งนี้ คดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวกับรถยนต์ราคาเเพง ความผิดเกี่ยวกับการสำเเดงราคานำเข้าเป็นเท็จ ต่ำกว่าราคาซื้อขายที่เเท้จริงทั้งหมด มีจำนวนทั้งสิ้น 216 คดี เเละไดเสอบสวนเสร็จสิ้นส่งสำนวนนวนไปยังพนักงานอัยการเเล้ว จำนวน 150 คดี เเละอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 66 คดี โดยบางคดี DSI ได้เเย้งกลับ เนื่องจากการหลีกเลี่ยงภาษีรถหรูนำเข้า สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่าคันละ 10 ล้านบาท
ส่วนกรณีที่ผู้กำกับโจ้เคยร่วมจับกุมรถหรูนำเข้ากว่า 368 คัน โดยใช้ระยะเวลากว่า 6 ปี ซึ่งสื่อบางสำนักรายงานว่าผู้กำกับโจ้ได้ส่งส่วนเเบ่งมากกว่า 450 ล้านบาท เป็นเรื่องของกรมศุลกากร ซึ่งทราบว่าตอนนี้ อยู่ระหว่างการดำเนินการว่าเกี่ยวข้องกับรถหรูที่จอดอยู่ในบ้านของผู้กำกับโจ้หรือไม่
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังกล่าวถึงกรณีที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์คลิปที่เห็นตำรวจใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหา ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ตามกฎหมาย DSI จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเพียงหน่วยงานเดียว ซึ่งขณะนี้ DSI ได้เตรียมคณะทำงานเรื่องนี้ไว้เเล้ว คาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้
สำหรับประเด็นเรื่องการซ้อมทรมานผู้ต้องหาที่ปรากฏอยู่ในกระแสข่าวจากคดีของผกก.โจ้ ทาง พ.ต.ท.กรวัชร์ ระบุว่า เป็นสิ่งที่รับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง โดยตนได้กำชับกับทางบุคลากรของ DSI อย่างเด็ดขาดว่า อย่าแตะตัวผู้ต้องหา เพราะเราไม่ได้พูดกันเรื่องกฎหมายอย่างเดียว แต่เราพูดกันเรื่องมนุษยธรรมด้วย ซึ่งองค์กรสิทธิมนุษยชนก็จับตาดูเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ขอเรียนว่า ทาง DSI ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก