ไม่พบผลการค้นหา
ในวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 ต.ค.) เอกสารในชั้นศาลเปิดเผยว่า อัยการของสหรัฐฯ สั่งฟ้องผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสายลับของจีน 2 คน ในข้อหาขัดขวางการดำเนินคดีอาญาต่อหัวเว่ย บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน

หนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกตั้งข้อหาพยายามบีบคั้นข้อมูลลับเกี่ยวกับพยานและหลักฐานในคดีหัวเว่ย โดยใช้เงิน 61,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.3 ล้านบาท) และเครื่องเพชรจำนวนหนึ่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งในความจริงแล้วทำงานเป็นสายลับสองหน้าให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งสายลับสองหน้าของสหรัฐฯ คนดังกล่าว ทำงานภายใต้การดูแลของเอฟบีไอ ที่เป็นผู้วางแผนหลอกล่อโดยการให้ข้อมูลลับเกี่ยวกับแผนการ ในการจับกุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหัวเว่ย และยุทธศาสตร์ทางกฎหมายของสหรัฐฯ กับจำเลยในคดี

ทั้งนี้ หัวเว่ยถูกตั้งข้อหาว่ามีความผิดในกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการกระทําเกี่ยวกับมิจฉาชีพของสหรัฐฯ หลังให้ข้อมูลปลอมเกี่ยวกับธุรกิจในอิหร่านกับธนาคาร HSBC และธนาคารอื่นๆ

เอกสารในชั้นศาลระบุว่า สายลับของจีนได้ระบุว่าข้อมูลถูกส่งต่อไปยังหัวเว่ยแล้ว และหัวเว่ยเองก็ทราบดีถึงปฏิบัติการจารกรรมข้อมูลดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าสายลับทั้งสองจะถูกควบคุมตัว แม้จะมีหมายจับที่ออกในชื่อพวกเขาแล้วก็ตาม

คดีนี้เป็นเพียง 1 ใน 3 คดีที่เกี่ยวข้องกับความพยายามแทรกแซงระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ โดยจีนที่ถูกเปิดเผยออกมาในวันจันทร์ที่ผ่านมา (25 ต.ค.)

คดีอื่นๆ ที่ถูกเปิดเผย มีทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสารในรัฐนิวเจอร์ซีย์ และความพยายามในการคุกคามชาวจีนในสหรัฐฯ ให้เดินทางกลับประเทศ

คดีเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า “รัฐบาลจีนพยายามที่จะแทรกแซงสิทธิและเสรีภาพของประชาชนในสหรัฐฯ และดูหมิ่นระบบตุลาการของสหรัฐฯ ที่ปกป้องสิทธิเหล่านั้น” เมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดของสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ซึ่งการ์แลนด์ได้มีการเปิดเผยรายชื่อชาวจีน 13 คนที่ทำงานร่วมกันกับหน่วยข่าวกรองของจีน

“กระทรวงยุติธรรมจะไม่นิ่งเฉยต่อการใช้อำนาจของรัฐบาลต่างประเทศ ที่ดูหมิ่นระบบนิติรัฐซึ่งเป็นรากฐานของประชาธิปไตยของเรา” การ์แลนด์กล่าว


ที่มา:

https://www.dw.com/en/us-charges-alleged-chinese-spies-in-huawei-case/a-63544329