วันที่ 11 ก.ย. 2566 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 5 เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นวันแรก โดยมี พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม
ม.ล.ชโยทิต กฤดากร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายนโยบายของรัฐบาล ในเรื่องที่รัฐบาลที่แล้วได้ทำแล้ว ทำอยู่ และรัฐบาลชุดนี้ควรจะทำต่อ ในฐานะที่ตัวเองเคยเป็นผู้แทนการค้าไทยในรัฐบาลที่แล้ว เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในอาเซียนอย่างยั่งยืนถาวร พรรครวมไทยสร้างชาติได้จัดทำนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นโยบายที่รัฐบาลตั้งใจจะลดราคาพลังงานอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องจำเป็น แต่ต้องฝากไปว่า ต้องพิจารณาการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หรือกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าน้อย รวมถึงการผลักดันเรื่องพลังงานสะอาด ซึ่งจะสามารถปรับโครงสร้าง ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าและส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ
ม.ล.ชโยทิต ยังหวังให้รัฐบาลใหม่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิด เช่น ที่ประเทศไทยมีค่าไฟฟ้าสูงกว่าประเทศอื่นในอาเซียน แต่ก็มีเหตุผลคือไทยเผาถ่านหินน้อยกว่า หากต้องการค่าพลังงานน้อย ก็ต้องเผาถ่านหินเพิ่ม ซึ่งจะไม่เอื้อต่อการปรับโครงสร้าง
ขณะที่นโยบายด้านอุตสาหกรรม ต้องมีแผนแม่บทเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า หรือ EV เพื่อดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศมาลงในอุตสาหกรรมใหม่ รวมถีงนำเสนอการสร้างระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค ที่ผลักดันเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และอุตสาหกรรมชีวภาพ
ม.ล.ชโยทิต ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้ประเทศไทยดีหมด เพียงแต่เดินหน้าทำตามที่วางแผนไว้ นานาประเทศก็ไว้วางใจ ขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายเลิกด้อยค่าประเทศไทย หากทำตามแนวนโยบายได้ ประเทศจะมีประสิทธิภาพ หากเลิกทะเลาะเบาะแว้งกัน ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยมีความสะอาด และเป็นผู้นำที่แปลงเรื่องคุณภาพชีวิตให้สะอาด ไร้คาร์บอนต่อไป