คณะราษฎร โดย จตุภัทร บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เป็นแกนนำจัดการชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ โดยมีประชาชนส่วนใหญ่ใส่เสื้อดำมาร่วมชุมนุมตั้งเวลา 16.00 น. และเปิดพื้นที่ให้คนที่อยากแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้แสดงออก เช่น นพ.ทศพร เสรีรักษ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย มาให้กำลังใจผู้ชุมนุม
กลุ่มเยาวชน 4 คนถือธง Free ฮ่องกง ธงกลุ่มเคลื่อนไหว Taiwan Independent Movement ที่ประกาศสนับสนุนการชุมนุมของไทย ธงมวลชนธิเบต และธงมวลชนซินเจียง เพื่อสื่อว่าทุกคนต้องการเอกราช อธิปไตยเป็นของมวลชน,
ชายเสื้อแดง จัดแคมเปญเหยียบรูป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายสุเทพ เทือกสุวรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมกับรองเท้ารูปหน้า พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเหยียบฟรี อยากสื่อให้เผด็จการให้มอบอนาคตให้แก่ลูกหลานได้แล้ว อายุตนกับรัฐบาลก็ใกล้เคียงกัน ควรมองหาวัด เอาอนาคตให้คนรุ่นใหม่บริหาร อย่าหวงอำนาจ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ พร้อมย้ำว่า “ใครเหยียบหนึ่งเท้าได้เลขท้าย 2 ตัว ใครเหยียบสองเท้าได้เลขท้าย 3 ตัว ใครเดินผ่านขอให้หวยแดกหมด”
ชายเสื้อขาวที่ทำอาชีพค้าขายในกรุงเทพ และเห็นว่าเศรษฐกิจในประเทศไปไม่รอด จึงแต่งกลอนและเขียนใส่ป้ายเพื่อสะท้อนความไม่เป็นธรรมของกฎหมาย
หุ่นโชว์เชิงสัญลักษณ์ ลุงหุ่นใส่ชุดเนตรนารีที่มีน้ำตาไหลเป็นสีแดง พร้อมถือป้าย “หนูเป็นเด็กเนตรนารี แค่หนูคิดต่างถึงกับใส่เสื้อเหลืองไล่ตีหนูเลยหรือ” พร้อมถือพานรัฐธรรมนูญที่มีตัวเงินตัวทองอยู่ด้านบน ขณะที่ด้านข้างเป็นหุ่นคนใส่เสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแลคสีดำ แขวนพวงมาลัยสีแดงและรูปสีขาวดำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมป้าย “รัฐธรรมนูญระบอบประยุทธ์ใช้แก๊สน้ำตาผสมสารเคมีสีฟ้ากลับพวกหนู ปล่อยเพื่อนเราน่ะ” และมีฟิวเจอร์บอร์ดสีขาวให้คนที่มาร่วมชุมนุมเขียนข้อความ
กลุ่มนักศึกษาอิสระเตรียมกระป๋องสีให้คนที่มาร่วมชุมนุนระบายความอัดอั้นกับรัฐบาลและการเมืองไทยด้วยการเพ้นท์ถนน
ชายแขวนแผงอาวุธของเล่น พร้อมป้ายประกาศว่า “ที่นี่มีอาวุธสงครามขาย ใช้ระบบจีทูจี รัฐต่อรัฐ ซื้อสองแถมหนึ่ง ผู้ใดแนะนำมาจะได้ % ครับ” พร้อมกลองป๋องแป๋งเรียกลูกค้า
หมอบรรพต ขี่จักรยานที่แปะป้ายว่า “ขับไล่เผด็จการ อนุรักษ์ภูมิปัญญาไทยโดยแพทย์แผนไทย เรียกร้องสิทธิ์ มาตรา 35(1) ตาม พ.ร.บ.พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ” พร้อมกล่าวว่ารัฐบาลทอดทิ้งคนพิการ เพราะกฎหมายฉบับนี้ไม่พัฒนาคนพืการแต่พัฒนานายทุน
รถขายสามล้อหม่าล่า แขวนป้าย “ลุงเมาแล้ว” ที่โดนจับที่อุสาวรีย์ชัยสรภูมิเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากข้อหาขนเครื่องเสียงและเครื่องปั่นไฟในการชุมนุม ทั้งที่ตนขายน้ำเปล่า แต่กลับถูกจับยึดรถไปหลายวัน
กลุ่ม Hornet ปลดแอก สำหรับชาวเกย์ที่มาม็อบไม่มีเพื่อน สามารถแอดเข้ามาในกลุ่มเพื่อหาเพื่อนเดินในม็อบได้ พร้อมถือป้าย “เผด็จการจงพินาศ องคชาติจงเจริญ” และ “งดนัดเย็ดกับตำรวจและทหาร”
กลุ่มDrag ม็อบ แต่งแดร็กควีนมาเดินม็อบ เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมของกลุ่ม LGBTQ และกฎหมายสมรสเท่าเทียม เนื่องจากกฎหมายที่ออกมาก็ไม่ใช่ความเท่าเทียมจริงๆ ต้องการความเท่าเทียมเหมือนชายและหญิง และต้องการสร้างสีสันให้กับม็อบ โดยทุกคนแต่งตัวตั้งแต่เที่ยง และมารวมตัวตามนัดเวลา 16.00 น. ในธีม “สีดำ ไม่โป๊ ไม่อนาจาร สะท้อนสถานการณ์ตอนนี้”
นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มต่างๆ ที่เปิดเวทีย่อยอยู่ตามถนนราชประสงค์ โดยใช้โทรโข่ง หรือลำโพงและเครื่องเสียงขนาดเล็ก และผลัดเปลี่ยนให้คนที่ยืนฟังอยู่รอบๆ โดยมีแนวคิดว่าทุกคนคือแกนนำ
การ์ดอาสา ผูกผ้าสีชมพูและหมวกนิรภัยสีแดง ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยบริเวณทางเข้า-ออก ทำหน้าที่เคลียร์พื้นที่ก่อนเริ่มชุมนุม ช่วยเสริมการทำงานของกลุ่มเยาวชนปลดแอกและอาชีวศึกษา โดยกลุ่มการ์ดอาสากล่าวว่า
“เห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง 3 ข้อ อยากให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ แต่ทุกคนที่ออกมาเรียกร้องก็จะโดนจับ อยากให้ปล่อยตัวเพื่อนเราออกมา แต่วันนี้ทุกคนเป็นแกนนำ ก็คงจับไม่ไหว รัฐบาลชุดนี้หมดความชอบธรรม ขนาดที่มวลชนออกมาขนาดนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง เหมือนพูดกับกระจก แต่กลุ่มปลุกมวลชนฝั่งตรงข้าม เหมือนอยากให้เลือดหรือ? ผมว่ามันไม่ถูก ถ้าชนะแพ้ขึ้นมาก็มีแต่ความสูญเสีย ถ้านายกรัฐมนตรีลาออกก็จะมีแต่ทางที่ดีขึ้น โลกที่กำลังเปลี่ยนไปถ้าอีก 20 ปียังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ประเทศและสถาบันจะอยู่ได้อย่างไร”
พี่แมมกับมอม ทำอาชีพไกด์มา 10 กว่าปี ทำทัวร์พานักท่องจีนและเวียดนามเที่ยวเที่ยว ตอนนี้ตกงาน ทำช่างซ่อมนาฬิกาอยู่หน้าห้างเกษร วันนี้มาเป็นจิตอาสาเก็บขยะในม็อบ กล่าวว่า
“ไม่สู้ก็เป็นทาส อย่างน้อยก็สู้เพื่อตัวเอง เราต้องทำ ทุกคนกลัวหมด แต่ถ้าเราไม่ทำ ก็ไม่มีใครทำ ต้องเริ่มที่ตัวเรา ไม่กล้าชวนคนอื่น ถ้าเราไม่ทำยังไงลูกหลานเราก็ต้องเจอ หนึ่งชีวิต ไม่สู้ก็เป็นทาส ความกลัวทำให้เราเสื่อม หลายคนบอกว่ากลัว ไม่กล้าออกมา แต่สุดท้ายลูกหลานเขาก็ต้องเจอ”
กลุ่มพยาบาลอาสา ที่ตั้งขึ้นมาหลังการสลายการชุมนุม ซึ่งตนเห็นเหตุการณ์วันนั้นแล้วรู้สึกว่าไม่มีหมอหรือพยาบาล ตนจึงตั้งสเตตัสในเฟซบุ๊กและมีนักศึกษาและหมอ พยาบาล กู้ภัย เข้ามาร่วมกว่าพันคน หรือคนที่ไม่มีความรู้ก็เข้ามาเป็นผู้ช่วย อย่างวันนี้มีคนมาร่วมประมาณ 40 คน แล้วแต่สะดวก อุปกรณ์เอาที่ตัวเองมีหรือซื้อมาเองบ้างมารวมกัน และหลายคนก็เอาของมาบริจาค บางคนมาแจกหน้ากากป้องกันฝุ่น PM 2.5 และแจกของที่คนบริจาคกันมา เช่น แอลกอฮอลเจล น้ำดื่ม แอมโมเนีย ลูกชิ้น ผ่านการฝึกพยาบาลอาสามาตั้งแต่ปี 2553
“ไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย ถ้ามันมีอะไรจริงๆ ก็อยากช่วยทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่ประชาชน แต่ตำรวจทหารที่บาดเจ็บเราก็พร้อมช่วย ถึงเราจะอยู่ฝั่งประชาชน แต่เราก็คือคนเหมือนกัน แม้เราจะไม่ชอบสลิ่ม แต่ถ้าเขาบาดเจ็บเราก็ต้องช่วย เรามีจรรยาบรรณ ที่เรามาตรงนี้เพราะอยากเห็นสังคมสงบ ไม่มาแก่งแย่งหรือทุกคนต้องมานั่งแบบนี้ ถ้าการเมืองดีก็จะไม่มีม็อบ และพวกเราจะๆม่อยู่ตรงนี้ พวกเราจะไปทำงาน”