WHO เผยเมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) ว่า มีกรณีการเสียชีวิตจากโควิด-19 ประมาณ 14,000 ราย เมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน ในขณะที่มีตัวเลขการติดเชื้ออยู่ที่ 7 ล้านราย ทั้งนี้ การตายจากโควิด-19 มีอัตราพุ่งสูงขึ้น 19% ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ในขณะที่มีตัวเลขการตายปรับลดลงมากกว่า 70% ในแอฟริกา 15% ในยุโรป และ 10% ในอเมริกา
ทั้งนี้ ประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น 30% ในขณะที่แอฟริกามีตัวเลขการติดเชื้อปรับลดลงไปแล้วกว่า 46% ตัวเลขการติดเชื้อใหม่ยังลดลงกว่า 20% ทั้งในอเมริกาและตะวันออกกลาง
แต่ถึงแม้ว่าแนวโน้มตัวเลขการตายและการติดเชื้อจากโควิด-19 ในหลายพื้นที่จะปรับตัวดีขึ้น WHO ยังคงประเมินว่า แนวโน้มของโควิด-19 ยังคงคุกคามอยู่ในหลายประเทศ ที่กำลังละทิ้งแนวทางในการตรวจหาเชื้อ การเฝ้าระวังโรค และการจัดลำดับพันธุกรรมเชื้อ เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ได้ผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการระบาดไปกันเกือบหมดแล้ว
WHO ย้ำว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน BA.5 ยังคงเป็นเชื้อที่ระบาดมากที่สุดในโลก ซึ่งนับเป็นอัตราการติดเชื้อใหม่กว่า 70% จากเชื้อไวรัสที่มีการถอดรหัสพันธุกรรมออกมา และได้รับการบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลเชื้อไวรัส โดย WHO ชี้ว่า เชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ BA.4 และ BA.2 กำลังปรับตัวลดลง และถูกแทนที่โดย BA.5
ในขณะที่ทั่วโลกผ่อนปรนมาตรการควบคุมการระบาดโควิด-19 และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติอีกครั้ง ทางการจีนเพิ่งสั่งมาตรการควบคุมการระบาดใหม่อย่างเข้มงวดในช่วงสัปดาห์นี้ หลังจากพบกับการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นในเกาะไหหลำและทิเบต
นักท่องเที่ยวจำนวน 80,000 ราย ต่อแถวเรียงคิวเพื่อทำการตรวจหาเชื้อกันในช่วงสัปดาห์นี้ ที่บริเวณซานย่า สถานที่ท่องเที่ยวดังของไหหลำทางตอนใต้ โดยนักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางออกนอกไหหลำได้ หากทำการตรวจหาเชื้อแล้ว 5 รอบ และผลออกมาเป็นลบทุกรอบ
ที่มา: