วันที่ 10 ธ.ค. ชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ภายในพรรคหลังบุคคลสำคัญอย่าง ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ‘ อดีตนายกรัฐมนตรี และ ’สาธิต ปิตุเตชะ‘ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศลาออก ระหว่างการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเมื่อวานนี้ (9 ธ.ค.)
โดย ชวน กล่าวว่า ไม่คาดคิดว่าจะเกิดการลาออกขึ้น เพราะเสียดายคนที่เป็นกำลังสำคัญ แต่เข้าใจ และเห็นอกเห็นใจของคนที่เขารักพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ เพราะการล็อบบี้หัวหน้าพรรคไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจาก พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ อดีตรองหัวหน้าพรรค พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “การเลือกหัวหน้าพรรค แล้วแต่เลขาธิการพรรคสั่งมา เพราะเลขาฯ อุปถัมภ์เลี้ยงดูมาตลอด 4 ปี
ชวน กล่าวถึงข้อเน้นย้ำว่า อย่าให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคอะไหล่เพื่อไปร่วมรัฐบาล และต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรคคือ การเมืองบริสุทธ์ซื่อสัตย์สุจริต โดยการเป็นสถาบันทางการเมืองไม่ใช่แค่อยู่มานาน แต่ถ้าอยู่มานานแล้วโคตรโกง หรือโกงทั้งโคตรจนหัวหน้าพรรคติดคุก พรรคการเมืองก็จะไม่มีคนยอมรับให้เป็นสถาบันทางการเมือง ดังนั้นต้องรักษาสิ่งนี้ไว้
แม้จะมีกรรมการบริหารพรรครุ่นใหม่ขึ้นมา ชวน ยังคงย้ำถึงการทำงานว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีรุ่น เพราะการบริหารพรรคมีกติกาอยู่ และกรรมการบริหารพรรคจะเป็นบุคคลสำคัญที่นำพาพรรคไปสู่จุดสูงสุด หรือล้มเหลว
โดย ชวน ยังยอมรับอีกว่า การที่ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรคได้ เพราะมีผู้สนับสนุนเป็น บัญญัติ บรรทัดฐาน, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และตนเอง ช่วยสนับสนุน ก่อนที่จะเลือกเลขาฯ พรรค คือ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ดังนั้น 4 ปีที่ผ่านมา คนเหล่านี้คือ คนที่นำพรรคเราไปสู่จุดนี้ แม้ทุกคนจะห่วงว่า พรรคประชาธิปัตย์จะตกต่ำไปมากกว่านี้ไหม ชวน กล่าวสวนว่า มันมีหรือจะตกต่ำไปมากกว่านี้ ดังนั้นในอนาคตจะดีชั่ว จำนวน สส.บัญชีรายชื่อ มันไม่ควรต่ำกว่า 3 แล้ว ซึ่งครั้งนี้มันเป็นผลงานของจุรินทร์ และเฉลิมชัย รวมถึงกรรมการบริหารพรรคชุดที่ผ่านมาที่บริหารมาจนผลออกมาอย่างที่เห็น
“อนาคตเป็นอย่างไร ขอให้ยึดอุดมการณ์เอาไว้ แม้จะไว้วางใจได้ไม่เต็มที่ แต่ก็ขอให้กรรมการบริหารพรรคบางคนที่ยังรักพรรคช่วยกันดูแล อย่าให้เอาพรรคไปหากิน” ชวน กล่าว
ส่วนการวางบทบาทของตัวเองในการทำงานร่วมกับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่นั้น ชวน กล่าวว่า ตนพยายามประคับประครอง และสนับสนุนสิ่งที่ดีให้แก่พรรค โดยการที่ตนตัดสินใจหนุน อภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะคิดว่า สถานการณ์ของพรรคมันถึงช่วงเวลาจำเป็นที่สังคมต้องยอมรับพรรคพอสมควร
ชวน ยืนยันว่า ในบรรดาหัวหน้าพรรคทั้งหมดในประเทศไทย อภิสิทธิ์ ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร และจะนำพาพรรคไปที่จุดแห่งความเชื่อมั่นของประชาชนได้ จึงไม่คิดว่าจะลาออกจากพรรค แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องให้กำลังใจ เช่นเดียวกับ ‘วทันยา บุนนาค‘ หรือ ’มาดามเดียร์‘ ที่ตนก็เสียดาย เพราะชื่นชมในความพยายาม
สำหรับกรณีของมาดามเดียร์นั้น ชวน เผยว่า เมื่อเห็นโพยว่ามีการล็อคเอาไว้เพื่อสกัด ตนจึงขอร้องสมาชิกพรรคให้เปิดโอกาสแก่มาดามเดียร์ได้แข่งขัน แม้ว่าท้ายที่สุดผลจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่ควรให้โอกาสเขาแข่งขัน แต่เขากลับไม่เอาแนวทางที่เราเสนอ เพื่ออย่างน้อยภาพพจน์ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ควรจะมาด้วยระบบแข่งขัน
ชวน ยังฝากถึงกรรมการบริการพรรคชุดใหม่อีกว่า ตลอดระยะเวลาตนเป็นสมาชิกมาตลอด และขณะนี้ก็ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา เป็นแค่อดีตนายกรัฐมนตรีของพรรค จึงพยายามให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ แต่เมื่อเห็นสมาชิกพรรคฝืนมติพรรคในรอบ 77 ปี ยกมือเห็นชอบ ’เศรษฐา ทวีสิน‘ เป็นนายกฯ เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคชุดต่อไปต้องพิจารณา
“ผมไม่ไปไหนหรอก อย่างไรผมก็ต้องอยู่ เพราะเป็นหนี้บุญคุณของพรรค เป็นชาวบ้านคนหนึ่งสามารถเป็นอะไรได้เพราะพรรคประชาธิปัตย์ให้โอกาส เขาไม่สนใจว่าคุณมีตระกูลอะไรอย่างไร เพราะฉะนั้นบุญคุณตรงนี้ใช้ไม่หมด ผมจึงต้องตอบแทนในช่วงเวลาท้ายของชีวิตการเมือง” ชวน กล่าว