ที่กองบัญชาการ ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก จังหวัดปทุมธานี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือ "หมู่อาร์ม" เข้ารายงานตัว เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาคดีหนีทหาร จากการร้องเรียนการทุจริตภายในหน่วยงาน ก่อนถูกนำตัวส่งฟ้องไปยังศาลทหารกรุงเทพฯ 

โดย "หมู่อาร์ม" เดินทางมาพร้อมนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ผู้ดูแลคดี, นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมทางสังคม ในฐานะผู้ที่ไว้วางใจ ให้เข้ารายงานตัว และยังมีนางอมรัตน์​ โชคปมิตต์กุล​ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รวมถึงประชาชน 3-5 คนมาให้กำลังใจด้วย

"หมู่อาร์ม" กล่าวก่อนเข้้ารายงานตัวว่า ไม่กังวลสำหรับคดีความ หากเป็นการหมิ่นประมาทตนก็พร้อมยอมรับว่าอาจเข้าข่าย แต่ยืนยันว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง และหลังออกมาเปิดโปงการทุจริตในกองทัพและ สังคมรวมถึงโซเชียลมมีเดียให้การตอบรับ แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้นของผู้มีอำนาจ มีเพียงคำสั่งปลดตนเท่านั้น 

พร้อมเปิดเผยว่า ตั้งใจจะแต่งชุดเครื่องแบบราชการทหารเข้ามารายงานตัว แต่ทราบข่าวว่า ตนถูกสั่งปลดแล้ว จึงแต่งชุดลำลองมา แม้ส่วนตัวรู้สึกเสียใจ ที่ไม่ได้สวมเครื่องแบบทหาร แต่หากแต่งชุดเต็มยศ ก็อาจถูกฟ้องคดีเพิ่มได้

สำหรับคดีความนั้น จะให้ทนายความยื่นประกันตัวต่อสู้คดี และหากศาลทหารไม่ยอมให้ประกันตัว ตนต้องติดคุก หรือหากไม่มีความยุติธรรมอยู่ ก็ฝากคนไทยทุกคนช่วยกันสานต่ออุดมการณ์ในการเปิดโปงทุจริตของตนด้วย

"หมู่อาร์ม" มองว่า การทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ในการคุ้มครองพยานที่จะนำสู่การย้ายหน่วยงานสังกัดถือว่าล่าช้า พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ส่วนจะมีการพูดคุยกับผู้มีอำนาจในกองทัพหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่วันที่ 7 มี.ค. 2563 ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้ลงโทษจำขังตน 7 วัน คือตั้งแต่วันที่ 8 -​ 12 มี.ค. เหตุจากความขัดแย้งกับผู้บังคับบัญชา จากนั้นตนยื่นขอคุ้มครองพยานจาก ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 17 มี.ค. แต่ไม่มีความคืบหน้า กระทั่งตนถูกคำสั่งปลดออกจากราชการ ซึ่งลงวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ "หมู่อาร์ม" ไม่เคยได้รับหนังสือทางการเลย แต่ ป.ป.ช.มีสำเนาคำสั่งนี้อยู่ในมือ

ด้านนายนรเศรษฐ์ ได้เตรียมหลักทรัพย์ 1 แสนบาท เพื่อยื่นประกันตัวหมู่อาร์มและหวังว่าศาลทหารจะให้ประกันตัว เพราะคดีนี้เป็นคดีสำคัญเกี่ยวกับผลประโยชน์สาธารณะ ซึ่งในฐานะทนายความเตรียมที่จะชี้แจงมูลเหตุว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องให้ตรวจสอบการทุจริตในกองทัพ ไม่ใช่เรื่องที่ตัวผู้ต้องหาข้อหามีเจตนาที่จะหนีราชการ และหวังว่าศาลจะให้ความเป็นธรรม