กลุ่มช่วยเหลือและรัฐบาลจากประเทศต่างๆ รวมถึงพันธมิตรสำคัญของอิสราเอลอย่างสหรัฐฯ ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อคำมั่นของ เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ที่กล่าวว่า อิสราเอลจะขยายปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินไปยังพื้นที่ราฟาห์ อันเป็นเมืองทางตอนใต้ที่ห่างไกลในฉนวนกาซา
ปัจจุบันนี้ เมืองราฟาห์ ซึ่งอยู่บริเวณชายแดนติดกับอียิปต์ เป็นสถานที่หลบภัยสงครามแห่งสุดท้ายของชาวปาเลสไตน์ ที่ลี้ภัยจากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของอิสราเอลในสถานที่อื่นๆ ของฉนวนกาซา จากการทำสงครามเป็นเวลากว่า 4 เดือนกับกลุ่มฮามาส หลังจากเกิดเหตุการณ์บุกโจมตีพื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลโดยฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2563
“การโจมตีใดๆ โดยกองทัพยึดครองในเมืองราฟาห์จะทำลายการเจรจาแลกเปลี่ยน” ผู้นำกลุ่มฮามาสระบุกับสำนักข่าว AFP โดยไม่เปิดเผยชื่อ
ทั้งนี้ เนทันยาฮูได้สั่งการให้กองทหารอิสราเอลเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนพลเข้าสู่เมืองราฟาห์ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรปาเลสไตน์มากกว่าครึ่งหนึ่งที่มีทั้งหมดในฉนวนกาซา ก่อให้เกิดความกังวลในด้านผลกระทบต่อพลเรือนผู้พลัดถิ่นมากยิ่งขึ้น
เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายบริหารสหรัฐฯ ของรัฐบาลไบเดน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.พ.) ว่า ผู้เจรจาที่ทำงานตามกรอบข้อตกลงแบบเป็นขั้นตอนในการปล่อยตัวตัวประกันที่เหลือได้มี “ความก้าวหน้าอย่างแท้จริง” ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวกล่าวว่า ข้อตกลงปล่อยตัวประกันเป็นจุดสนใจหลักของการพูดคุยทางโทรศัพท์นาน 45 นาทีระหว่างไบเดนและเนทันยาฮูในวันอาทิตย์ แม้ว่าจะยังมีช่องว่าง “สำคัญ” ที่ต้องปิดช่องโหว่ และทำเนียบขาวได้ระบุว่า ไบเดนได้กล่าวกับเนทันยาฮูว่า อิสราเอลไม่ควรดำเนินการใดๆ เป็นการล่วงหน้าในฉนวนกาซา หากไม่มีแผนงาน “อันน่าเชื่อถือ” เพื่อรับรอง “ความปลอดภัย” ของผู้คนที่พักอาศัยอยู่ที่นั่น
ปัจจุบันนี้ มีชาวปาเลสไตน์ประมาณ 1.4 ล้านคนได้กระจุกตัวกันในเมืองราฟาห์ โดยประชาชนหลายคนอาศัยอยู่ในกระโจม ในขณะที่อาหาร น้ำ และยารักษาโรคเริ่มขาดแคลนมากขึ้น
เนทันยาฮูให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ABC News ของสหรัฐฯ ว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลในพื้นที่ราฟาห์จะดำเนินต่อไปจนกว่ากลุ่มฮามาสจะถูกกำจัด พร้อมกันนี้ เขากลาวเสริมว่าอิสราเอลจะให้ “ทางผ่านที่ปลอดภัย” แก่พลเรือนที่มีความประสงค์จะเดินทางออกไปจากพื้นที่ปะทะ ไปยังพื้นที่ราฟาห์ทางตอนเหนือ
ในขณะเดียวกัน ชาติผู้ไกล่เกลี่ยจัดการเจรจาครั้งใหม่ในกรุงไคโร เพื่อหยุดการสู้รบชั่วคราวและปล่อยตัวประกันบางส่วนจากทั้งหมด 132 คนที่อิสราเอลกล่าวว่ายังคงถูกจับตัวอยู่ในฉนวนกาซา โดยในจำนวนนี้มี 29 คนที่คาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ต.ค. กลุ่มฮามาสได้จับตัวประกันจากอิสราเอลไปประมาณ 240 คน ตามการระบุของทางการอิสราเอล โดยหลายสิบคนได้รับการปล่อยตัวระหว่างการพักรบเป็นเวลา 1 สัปดาห์เมื่อเดือน พ.ย.
อย่างไรก็ดี เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฝ่ายทหารของกลุ่มฮามาส ระบุว่า ตัวประกัน 2 คนถูกสังหาร และอีก 8 คนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของอิสราเอลในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ในอีกด้านหนึ่ง เนทันยาฮูต้องเผชิญกับเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลจัดมีการเลือกตั้งล่วงหน้า พร้อมกันกับการประท้วงในอิสราเอลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับความล้มเหลวของฝ่ายบริหารของเนทันยาฮฺูในการนำตัวประกันกลับบ้าน
ในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมืองราฟาห์ กองทัพอิสราเอลกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า กองทหารอิสราเอลกำลังดำเนินการ "โจมตีแบบกำหนดเป้าหมาย" ในพื้นที่ทางตะวันตกของข่านยูนิส เมืองหลักทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ในขณะที่กลุ่มฮามาสรายงานถึงการปะทะกันอย่างรุนแรง และกล่าวว่าอิสราเอลยังมีการโจมตีทางอากาศใส่เมืองราฟาห์ด้วย
การโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอลอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,139 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน หลังจากนั้น อิสราเอลตอบโต้ด้วยการรุกรานอย่างไม่ลดละในฉนวนกาซาที่ปกครองโดยกลุ่มฮามาส ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซาระบุว่า การโจมตีดังกล่าวของอิสราเอลได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 28,176 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
นอกจากนี้ การโจมตีของอิสราเอลยังส่งผลให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซาพังทลาย และทำให้ประชากรมากกว่า 80% ต้องกลายเป็นคนพลัดถิ่น
ที่มา: