ตั้งแต่การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2564 ตาลีบันได้เข้าควบคุมการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของชาวอัฟกานิสถาน จนเกิดการกดทับทางสิทธิเสรีภาพอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชากรชายขอบของอัฟกานิสถานอย่างผู้หญิง ซึ่งพวกเธอเคยปลอดภัยจากเงื่อมมือของกองกำลังอิสลามสุดโต่ง ที่ถูกเข้าแทรกแซงโดยสหรัฐฯ เมื่อสองทศวรรษก่อน
หญิงผู้ประท้วงราว 40 คน เดินทางมารวมตัวกันที่หน้ากระทวงศึกษาธิการของอัฟกานิสถานในกรุงคาบูล พร้อมกับการตระโกนว่า “ขนมปัง งาน และเสรีภาพ” ก่อนที่กองกำลังของตาลีบันจะเข้าปราบปรามพวกเธอ พร้อมกับการยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่พวกเธอให้ล่าถอยออกไปจากบริเวณตัวอาคารกระทรวงศึกษาธิการ
หญิงผู้ประท้วงบางรายที่เข้าไปหลบภัยในบริเวณใกล้เคียง ถูกไล่ตามโดยกองกำลังของตาลีบันไปยังร้านค้าใกล้ๆ กัน ก่อนที่พวกเธอจะถูกทำร้ายร่างกายด้วยท้ายปีไรเฟิลของกองกำลังตาลีบัน ทั้งนี้ ในการประท้วงมีหญิงบางรายถือป้ายข้อความโจมตีว่า “15 ส.ค. คือวันอันมืดมิด” เพื่อการเรียกร้องสิทธิในการทำงานและการเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองของพวกเธอให้กลับคืนมาอีกครั้ง
“ความเป็นธรรม ความเป็นธรรม เราพอแล้วกับความโง่เขลา” นักกิจกรรมหญิงตะโกน หญิงหลายคนในนั้นไม่ใส่ผ้าคลุมหน้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ภายหลังจากการตะโกน พวกเธอพบเข้ากับการยิงปืนขึ้นฟ้าของตาลีบัน และเข้าทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง ทั้งนี้ หญิงหลายคนยังคงยืนยันว่า พวกเธอจะเดินหน้าการต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพที่พวกเธอเคยมีคืนมาอีกครั้ง
ตั้งแต่การเข้ามายึดอำนาจของตาลีบันเมื่อปีก่อน สิทธิสตรีในอัฟกานิสถานถูกจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งการเข้าศึกษาในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่ถูกจำกัด การเดินทางไปไหนคนเดียวของผู้หญิงจำเป็นจะต้องมีผู้ชายติดตามไปด้วย พวกเธอยังถูกห้ามทำงาน และบีบบังคับให้อยู่เพียงแต่ในบ้าน ถูกบังคับให่ใส่ผ้าคลุมหน้าปิดมิดชิด สิทธิในการประท้วงของพวกเธอถูกริดรอนไปทั้งหมด
Human Rights Watch ได้ออกมาเรียกร้องให้กลุ่มตาลีบาน "ยกเลิกการตัดสินใจที่น่ากลัวและรังเกียจผู้หญิง" เพื่อกีดกันผู้หญิงจากการศึกษา “สิ่งนี้จะเป็นการส่งข้อความไปว่ากลุ่มตาลิบานเต็มใจที่จะพิจารณาการกระทำอันลวร้ายที่สุดของพวกเขาอีกครั้ง” เฟเรชทา อับบาซี นักวิจัยชาวอัฟกานิสถานของกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวในแถลงการณ์ดังกล่าว
ที่มา: