ในแถลงการณ์ NATO ระบุว่าองค์การตระหนักถึงความจำเป็น ในการเร่งให้กระบวนการเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่จะยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาว่ายูเครนจะสามารถเข้าร่วม NATO ได้เมื่อใดและอย่างไร โดยก่อนหน้านี้ เซเลนสกีกล่าวว่า NATO ดูเหมือนจะ "ไม่มีความพร้อม" ที่จะเชิญยูเครนเข้าร่วมพันธมิตรทางทหารดังกล่าว อย่างไรก็ดี เซเลนสได้เดินทางเยือนกรุงวิลนีอุส เมืองหลวงของลิทัวเนีย ซึ่งเป็นที่ที่การประชุมสุดยอด NATO มีขึ้นด้วย
ยูเครนยอมรับว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าร่วม NATO ได้ในขณะที่กำลังทำสงครามกับรัสเซีย แต่ยูเครนต้องการเข้าร่วม NATO โดยเร็วที่สุดหลังจากการสู้รบสิ้นสุดลง อย่างไรก็ดี เซเลนสกีกล่าวถึงคำแถลงของ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ NATO ถึงการที่องค์การยังไม่มีกรอบเวลาที่ตกลงกันว่าจะให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิก NATO เมื่อใดนั้น หมายความว่าในท้ายที่สุด การเป็นสมาชิก NATO ของยูเครนอาจกลายเป็นเพียงแค่เบี้ยต่อรอง “พื้นที่เปิดแห่งโอกาสถูกปล่อยให้มีการต่อรองกับการเป็นสมาชิกของยูเครนใน NATO ไปกับการเจรจากับรัสเซีย ความไม่แน่นอนคือจุดอ่อน” เซเลนสกีกล่าว
NATO อาจไม่ได้ระบุว่ายูเครนจะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเมื่อใดและอย่างไร แต่นักการทูตเน้นย้ำว่าพวกเขาได้กำหนดเส้นทางสู่การเป็นสมาชิก NATO ของยูเครนที่ชัดเจนขึ้น และขั้นตอนการสมัครเป็นสมาชิกที่ยุ่งยากจะสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ ชาติพันธมิตรตระหนักดีว่ากองทัพยูเครน "ทำงานร่วมกันได้" มากขึ้น และมี "บูรณาการทางการเมือง" กับกองกำลังของ NATO มากขึ้น และ NATO จะสนับสนุนการปฏิรูปภาคประชาธิปไตยและความมั่นคงของยูเครนต่อไป
นักการทูตยังเน้นย้ำถึงการจัดตั้งคณะกรรมการ NATO-ยูเครนชุดใหม่ ซึ่งจะประชุมกันเป็นครั้งแรกในวันพุธ (12 ก.ค.) ที่จะส่งผลให้ยูเครนมีสิทธิ์ในการเรียกประชุมชาติพันธมิตรทั้งหมด อย่างไรก็ดี การตัดสินใจที่จะไม่คำนึงถึงกรอบเวลาในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ของยูเครน ถูกมองว่าเป็นความพ่ายแพ้ของยูเครนจากการเจรจาต่อรองกับ NATO โดยคำพูดของเซเลนสกีที่ว่าการไม่มีกรอบเวลาของ NATO เป็นเรื่อง "ไม่สมเหตุสมผล" นั้น บ่งบอกถึงความล้มเหลวในการเจรจากัน
ในการกล่าวสุนทรพจน์ ณ กรุงวิลนีอุส เซเลนสกีกล่าวว่า "NATO จะให้ความมั่นคงแก่ยูเครน ยูเครนจะทำให้พันธมิตรแข็งแกร่งขึ้น" เซเลนสกียังได้แสดงธงรบจากเมืองบักห์มุตที่ถูกทำลายโดยรัสเซีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสมรภูมิรบที่ยาวนานที่สุดและอาจนองเลือดที่สุดในการรุกรานยูเครนของรัสเซียด้วย
ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดของ NATO ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากตุรเคียยอมลดท่าทีการต่อต้านไม่ให้สวีเดนเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ในขณะที่ฟินแลนด์เข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ชาติที่ 31 ไปก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากความกังวลของทั้ง 2 ชาติที่เคยเป็นกลางทางการทหาร จากการรุกรานยูเครนของรัสเซียเมื่อเดือน ก.พ. 2565
ที่มา: