ไม่พบผลการค้นหา
องค์การอนามัยโลกหันมาสนับนโยบายผลักดันและมาตรการของรัฐบาลทั่วโลกในการส่งเสริมประชาชน 'สวมหน้ากากอนามัย' แม้ก่อนหน้านี้จะยืนยันว่าคนไม่ป่วยไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย

​สำนักข่าว SCMP รายงานว่า การประกาศจุดยืนใหม่ในประเด็นการสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดการระบาดของโควิด-19 จากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีงานวิจัยจำนวนมากออกมาสนับสนุนการใช้หน้ากากอนามัย และชี้ว่าเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันการแพร่และกระจายเชื้อที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่รัฐบาลของหลายประเทศในภูมิภาคยุโรปก็เริ่มออกมาตรการเรียกร้องให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากอนามัยเช่นกันเมื่อต้องเดินทางออกมายังพื้นที่สาธารณะ

ดร.ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการด้านโปรแกรมสุขภาพฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า "ตอนนี้เราได้เห็นผลลัพธ์ที่แน่ชัดแล้วว่า การสวมหน้ากากอนามันทั้งแบบผ้าและแบบทำเองสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อในระดับชุมชนได้ และสามารถลดโอกาสในการที่ผู้ที่ติดเชื้อแล้วจะแพร่เชื้อต่อไปยังบุคคลอื่นได้ในบางสถานการณ์ เราขอสนับสนุนรัฐบาลหรือใครก็ตามที่จะผลักดันการใช้มาตรการนี้เป็นยุทธศาสตร์หลักในการควบคุมการระบาดของโรค"

ยุทธศาสตร์หลักดังกล่าว WHO หมายรวมถึงมาตรการสำคัญที่เคยได้แนะนำไปแล้วก่อนหน้านี้ เช่น การสนับสนุนให้ประชาชนล้างมืออย่างถูกวิธี การสร้างระยะห่างทางสังคม การตรวจหาเชื้ออย่างเร่งด่วน และการกักตัวผู้ติดเชื้อ ซึ่งการผลักดันเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยนั้น WHO ได้พิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว แต่มีข้อจำกัดในเรื่องของความขาดแคลนในหลายประเทศทั่วโลก 

ดร.ไรอัน ชี้ว่า หน้ากากอนามัยทั้งแบบ Sergical Mask และ N95 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ จึงต้องมีการให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้เป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตามทีมผู้เชี่ยวชาญกำลังศึกษาหาข้อมูลเพิ่มอย่างจริงจัง โดยจะทำการศึกษางานวิจัยทุกชิ้นเกี่ยวกับประเด็นนี้