ไม่พบผลการค้นหา
ผลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (20 ส.ค.) ว่า คะแนนความนิยมของประชาชนชาวญี่ปุ่น ต่อคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยังคงระดับอยู่ที่ 33.6% ในขณะที่คะแนนความนิยมต่อคิชิดะลดลงถึงจุดตกต่ำที่สุด นับตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้วที่ 50% ท่ามกลางความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาระบบบัตรประจำตัวประชาชนและอัตราเงินเฟ้อในประเทศ

คะแนนความนิยมต่อคิชิดะลดลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และในตอนนี้คิชิดะมีระดับคะแนนความนิยมที่สูงกว่าระดับคะแนนความนิยมเดิม ที่เคยตกต่ำที่สุดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นับตั้งแต่คิชิดะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในเดือน ต.ค. 2564 ทั้งนี้ คิชิดะเคยมีระดับคะแนนความนิยมต่ำที่สุดอยู่ที่ 33.1% ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. 2565

ในการสำรวจความคิดเห็นเมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา อัตราคะแนนนิยมที่ชาวญี่ปุ่นมีต่อคิชิดะคงระดับอยู่ที่ 34.3% และอัตราคะแนนความไม่นิยมต่อนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีอยู่ที่ 48.6% โดยในครั้งล่าสุดที่คะแนนความไม่นิยมต่อตัวคิชิดะสูงเกินกว่าเส้น 50% เกิดขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว

จากการสำรวจผ่านทางโทรศัพท์ทั่วประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งดำเนินการจนถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา สำนักข่าวเกียวโดพบว่า 79.8% ของผู้ตอบแบบสอบถามขาดความมั่นใจในความเป็นผู้นำของคิชิดะ จากการจัดการกับความวิตกกังวลของสาธารณชน เกี่ยวกับระบบบัตรประจำตัว "มายนัมเบอร์" (หมายเลขของฉัน) หลังจากเกิดการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหล และข้อผิดพลาดในการลงทะเบียนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

แผนการของรัฐบาลญี่ปุ่นในการละทิ้งการใช้ใบรับรองการประกันสุขภาพ และรวมฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ เข้ากับระบบบัตรมายนัมเบอร์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในปีหน้า ยังคงไม่เป็นที่นิยมในหมู่ประชาชนชาวญี่ปุ่น โดย 77% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ซึ่งใกล้เคียงกับการสำรวจครั้งก่อน เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศเลื่อนหรือยกเลิกนโยบายดังกล่าวออกไปก่อน

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 88.1% ยังกังวลเกี่ยวกับความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น จากแผนการของรัฐบาลญี่ปุ่นที่เตรียมจะปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้ว ออกจากศูนย์นิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิจิที่ประสบภัยพิบัติ ลงสู่ห้วงน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก

รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินใจว่า พวกเขาจะเริ่มปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีเมื่อใด โดยการปล่อยน้ำดังกล่าวจะมีขึ้นในช่วงสิ้นเดือนนี้ และรัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานสากลและปลอดภัย แต่ชาวประมงในท้องถิ่นต่างรู้สึกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อธุรกิจของตัวเอง นอกจากนี้ จีนยังคัดค้านการปล่อยน้ำดังกล่าวอย่างรุนแรงเช่นกัน ทั้งนี้ มีประชาชนญี่ปุ่นเพียง 15% เท่านั้นที่ระบุว่า คำอธิบายของรัฐบาลเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวมีความ “เพียงพอ” และ 81.9% เห็นว่า “ไม่เพียงพอ”

สำหรับกรณีการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีลงสู่มหาสุมทรแปซิฟิกนั้น ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าจำเป็นต้องดำเนินการต่อ เพื่อขั้นตอนการกำจัดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่พังเสียหายลง ผู้ตอบแบบสอบถาม 29.6% ระบุว่า พวกเขาเห็นด้วยกับการปล่อยน้ำดังกล่าว ในขณะที่มี 25.7% ไม่เห็นด้วยกับการปล่อยน้ำ และ 43.8% ระบุว่าไม่มั่นใจว่ารัฐบาลญี่ปุ่นควรทำเช่นไรกับน้ำเสียปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี

ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังคงส่งผลกระทบต่อครัวเรือนญี่ปุ่น ผู้ตอบบแบบสอบถาม 75.3% ต้องการให้รัฐบาลญี่ปุ่นขยายการอุดหนุนช่วยเหลือภาคครัวเรือนต่อไป ให้เกินกว่าแผนเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือน ก.ย. เพื่อพยายามลดผลกระทบจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งสูงขึ้น 

อย่างไรก็ดี ประชาชนชาวญี่ปุ่นจำนวนมากยังดูไม่กระตือรือร้นเกี่ยวกับแผนของรัฐบาล ที่จะเพิ่มการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดูแลเด็ก เพื่อชดเชยอัตราการเกิดที่ลดลง โดย 69.2% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขา "ไม่คาดหวัง" หรือ "ไม่คาดหวังมาก" จากมาตรการของรัฐบาลญี่ปุ่นนี้

เมื่อพิจารณาจากพรรคการเมืองของญี่ปุ่น พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ที่เป็นพรรครัฐบาลในปัจจุบัน ยังคงมีอัตราคะแนนิยมสูงสุดที่ 35.8% ตามมาด้วย 11.4% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่สนับสนุนพรรคนวัตกรรมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน และ 8.7% แก่พรรครัฐธรรมนูญประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก นอกจากนี้ พรรคโคเมอิโตะ ซึ่งเป็นพรรคพันธมิตรแนวร่วมของ LDP ได้รับคะแนนนิยมเพียงแค่ 3.6%

ทั้งนี้ การสำรวจความนิยมรัฐบาลญี่ปุ่นโดยสำนักข่าวเกียวโด ได้ใช้วิธีการโทรศัพท์ครัวเรือนแบบสุ่มต่อประชาชนจำนวน 467 ครัวเรือน ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทางโทรศัพท์ตามสาย และหมายเลขโทรศัพท์มือถือจำนวน 2,369 หมายเลข และสำนักข่าวเกียวโดได้ผลตอบรับจาก 425 ครัวเรือน และ 624 ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ


ที่มา:

https://japantoday.com/category/politics/Kishida%27s-disapproval-rate-reaches-50-