ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ส่งหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อเวลา 17.02 น. วันที่ 12 ธ.ค. 2563 เรื่องการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น เพื่อเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค (PT Bank Permata Tbk) ประเทศอินโดนีเซีย โดยในเอกสารระบุว่า ธนาคารได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นโดยมีเงื่อนไขกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และ พีที แอสทร่า อินเตอร์เนชั่นแนล ทีบีเค (PT Astra International Tbk) หรือ แอสทร่า เพื่อเสนอซื้อหุ้นกลุ่ม ข. จำนวนทั้งหมด 24,991,429,332 หุ้น ในธนาคารพีที เพอร์มาตา ทีบีเค หรือ เพอร์มาตา จากสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และแอสทร่า คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 89.12 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของเพอร์มาตา ตามมติเห็นชอบของที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ครั้งที่ 12/2562 เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2562 โดยสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดและแอสทร่าจะขายหุ้นกลุ่ม ข. เป็นจำนวนรายละ 12,495,714,666 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.56 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของเพอร์มาตา ให้แก่ธนาคาร
ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นดังกล่าวจะแล้วเสร็จได้ต่อเมื่อ ได้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไหบังคับก่อนในสัญญาซื้อขายหุ้นอย่างครบถ้วนแล้ว
ในเอกสารยังระบุถึงแหล่งที่มาของเงินทุนในการเข้าซื้อหุ้นเพอร์มาตา ว่า จะใช้เงินทุนภายในและแหล่งเงินทุนที่ได้จากการจัดหาเงินทุนตามปกติของธนาคาร โดยขณะนี้ ธนาคารยังไม่มีแผนจะเพิ่มทุนเพื่อนำเงินที่ได้มาซื้อหุ้นในครั้งนี้โดยเฉพาะแต่อย่างใด
ส่วนเหตุผลที่เข้าทำธุรกรรม หรือซื้อหุ้น เนื่องจากธนาคารต้องการเข้าถึงตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เป็นจำนวน 1.04 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีประชากรรวม 267 ล้านคน ที่ประกอบไปด้วยประชากรวัยทำงานที่มีอายุน้อยจำนวนมาก อีกทั้งยังมีจำนวนประชากรที่มีรายได้ระดับปานกลางและสูงที่เพิ่้มขึ้น นอกจากนี้ ประเทศอินโดนีเซียยังมีอัตราการเริ่มใช้งานระบบดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว มีอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่สูง (เติบโตเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปี) และมีประชากรที่ยังไม่ได้ใช้บริการของธนาคารใดๆ เป็นจำนวนมาก
อีกทั้ง ธุรกรรมนี้ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ระหว่างประเทศของธนาคาร ที่มุ่งพัฒนาไปสู่การเป็นธนาคารชั้นนำของภูมิภาค ซึ่งมีการดำเนินกิจการในบรรดาตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียน พร้อมกันนี้ยังเป็นการสร้างแพลตฟอร์มพื้นฐานที่แข็งแกร่งในตลาดที่มีความน่าสนใจและเติบโตอย่างรวดเร็วผ่านธนาคารที่มีขนาดพอเหมาะและมีคุณภาพ เป็นการทำให้ธนาคารสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น จากการรวมกันทางธุรกิจและการเงินภายในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ธนาคารสามารถเข้าถึงตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงได้มากยิ่งขึ้น อีกด้านหนึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพของบริษัทไทยในการขยายตัวไปต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้น โดยการลงทุนของไทยในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนประมาณร้อยละ 25 ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2551 และช่วยเพิ่มกำไรต่อหุ้น (EPS) และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ของธนาคารได้ทันที (ในปีการเงิน 2563 หากธุรกรรมแล้วเสร็จภายในปี 2563) และเป็นที่คาดการณ์ว่า จำนวนเงินกองทุนของธนาคารภายหลังการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ จะยังคงแข็งแกร่งต่อไป
อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมครั้งนี้จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนในสัญญาซื้อขายหุ้นอย่างครบถ้วนทุกประการ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง (1) การได้รับมติเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น และได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้เข้าซื้อหุ้นในเพอร์มาตา และ (2) การได้รับอนุญาตจาก Otoritas Jasa Keuangan (OJK) ของอินโดนีเซีย ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมนี้ ซึ่งรวมถึงการอนุญาตให้ธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมของเพอร์มาตา และการให้ความเห็นชอบโดย OJK สำหรับโครงสร้างการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้
ทั้งนี้ การทำธุรกรรมนี้ตั้งอยู่บนหลักเกณฑ์การประเมินมูลค่าที่ได้รับการตกลงร่วมกันอยู่ที่ 1.77 เท่าของมูลค่าตามบัญชีของเพอร์มาตา ดังนั้น หากคำนวณตามมูลค่าทางบัญชีของเพอร์มาตา ณ วันที่ 30 ก.ย. 2562 ราคาซื้อหุ้นเบื้องต้นจะอยู่ที่ 1,498 รูเปียต่อหุ้น (อัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท ต่อ 462 รูเปีย) และมูลค่าธุรกรรมเบื้องต้นสำหรับการเข้าซื้อหุ้นจำนวนร้อยละ 89.12 ของหุ้นทั้งหมดในเพอร์มาตาจะอยู่ที่ 37,430,974 ล้านรูเปีย (เทียบเท่ากับ 2,674 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 81,017 ล้านบาทโดยประมาณ : อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 13,999 รูเปีย)
จากราคาซื้อหุ้นที่ธนาคารจะต้องชำระในการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 89.12 ของหุ้นทั้งหมดในเพอร์มาตา ซึ่งจะถูกคำนวณอีกเป็นครั้งสุดท้ายโดยอ้างอิงที่อัตรา 1.77 เท่าของมูลค่าตามบัญชีของเพอร์มาตา
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันเพอร์มาตา เป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำของอินโดนีเซีย ก่อตั้งเมื่อปี 2498 ประกอบกิจการเสอนขายผลิตภัณฑ์และให้บริการด้านการธนาคารอย่างเต็มรูปแบบ มีลูกค้ารายย่อย ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และลูกค้าองค์กร รวมกว่า 3.5 ล้านราย ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย ปัจจุบัน (ณ 30 ก.ย.2562) เพอร์มาตามีสำนักงานรววม 332 แห่ง แบ่งเป็นสำนักงานสาขาและสาขาเคลื่อนที่ มีเครื่องบริการเบิก-ถอนเงินสดอัตโนมัติ (ATM) รวม 989 เครื่อง ใน 62 เมืองทั่วประเทศ มียอดสินเชื่อ 108 ล้านล้านรูเปีย (หรือประมาณ 234,000 ล้านบาท) มีเงินรับฝาก 120 ล้านล้านรูเปีย (หรือประมาณ 259,000 ล้านบาท) และมีพนักงานรวมทั้งสิ้น 7,670 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :