ไม่พบผลการค้นหา
​นายกฯเศรษฐา ชื่นชมความสำเร็จนโยบาย เยียวยากลุ่มเปราะบาง ยึดหลักเกณฑ์จ่ายเงินเข้าบัญชีทุกวันที่ 10 ของเดือน เริ่มวันนี้ 10 กรกฎาคม 2567

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ชื่นชมความสำเร็จของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเยียวยา กลุ่มเปราะบางทุกกลุ่ม ทั้งเงินอุดหนุนบุตร เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเบี้ยผู้พิการ เพื่อดูแลวิถีชีวิตประชาชน เพื่อความเท่าเทียมของทุกกลุ่ม เพื่อปรับปรุงระบบสวัสดิการและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน โดยรัฐบาลได้จ่ายเงินเข้าบัญชีทุกวันที่ 10 ของเดือน เริ่มวันแรกพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567

สำหรับหลักเกณฑ์เยียวยากลุ่มเปราะบาง กรมบัญชีกลางและกระทรวงพัฒนาสังคมเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ กำหนดดังนี้

โครงการเงินอุดหนุนบุตร

- โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด หรือเงินอุดหนุนบุตร ช่วยเหลือกลุ่มเด็กแรกเกิด-อายุ 6 ขวบ รับเงินอุดหนุนจำนวน 600 บาท สมาชิกครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี 

เด็กที่เกิดเดือนกรกฎาคม 2561 จะหมดสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือเยียวยา และเด็กที่เกิดสิงหาคม 2561 จะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาเป็นก้อนสุดท้าย เนื่องจากมีอายุครบ 6 ขวบตามเงื่อนไข 

ผู้ปกครองที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนสามารถยื่นคำร้องในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิดและผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง ที่สำนักงานเขต ศาลาว่าการเมืองพัทยา และองค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาล 

โดยต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “เงินเด็ก”

ผู้ปกครองต้องพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่าน แอปพลิเคชัน ThaID ของกรมการปกครองก่อน เมื่อตรวจสอบสิทธิผ่านแล้ว จะได้รับเงินมีผล ตั้งแต่เดือนที่ลงทะเบียนรับเงิน

เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

- เดือนกรกฎาคม 2567 จะจ่ายแบบขั้นบันได ผู้สูงอายุอายุ 60-69 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 600 บาท ผู้สูงอายุอายุ 70-79 ปี 700 บาท ผู้สูงอายุอายุ 80-89 ปี 800 บาท และผู้สูงอายุอายุ 90 ปีขึ้นไป 1,000 บาท 

เบี้ยผู้พิการ ตามเกณฑ์อายุ 

- โดยผู้พิการที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป 800 บาท และผู้พิการที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี รับเบี้ยยังชีพจำนวน 1,000 บาท

ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบเงินอุดหนุนบุตร เบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยคนพิการ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน ‘เงินเด็ก’ หรือ แอปพลิเคชัน 'ทางรัฐ' หรือ ทางบัญชีที่ได้แจ้งไว้ และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินอุดหนุนบุตร ได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดกรมกิจการเด็กและเยาวชน โทร 08 2091 7245, 08 2037 9767, 08 3431 3533, 06 5731 3199 และศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง

“นายกรัฐมนตรี ต้องการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง โดยหวังว่าเงินช่วยเหลือเหล่านี้จะช่วยแบ่งเบาประชาชนได้บ้างไม่มากก็น้อย และขอให้ประชาชนทุกคนเชื่อมั่นว่าการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกคนในทุกมิติเป็นวัตถุประสงค์หลักในการทำงานของนายกรัฐมนตรี โดยรัฐบาลตั้งมั่นที่จะช่วยเหลือดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น” นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าว