เวลา 10.00 น. วันที่ 5 ส.ค. 2564 ที่บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม เข้ายื่นหนังสือถึง เจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เพื่อขอให้ช่วยซื้อที่ดินของมารดา ที่ จ.มหาสารคาม จำนวน 100 ไร่ ไร่ละ 6 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 600 ล้านบาท เพื่อที่ตนจะได้นำไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยมีหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทเป็นผู้รับหนังสือแทน เนื่องจากบริษัทไม่มีใครเข้ามาทำงาน เพราะปฏิบัติงานตามมาตรการ Work Form Home ทั้งหมด
โดย ยุทธพงศ์ ระบุเพิ่มเติมว่า ตนในฐานะเขยของผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของบริษัทไทยเบฟฯ นายโกเมน ตันติวิวัฒนพันธ์ (เสียชีวิตแล้ว) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทมาด้วยกัน วันนี้ตนได้มาขอความช่วยเหลือกับ เจริญ พร้อมยกตัวอย่างกรณีที่ เจริญ เคยซื้อที่ดินบ่อตกปลาของบิดา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในราคา 600 ล้านบาทว่า ขนาดคนที่ไม่ได้เป็นญาติยังช่วยเหลือได้ ตนเองมีสายสัมพันธ์ที่ชัดเจนกว่า ก็หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือเช่นกัน
ยุทธพงศ์ ยังได้กล่าวถึงการทำหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปราบการฟอกเงิน หรือ ปปง. เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบที่มาขอรถหรูของ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา โดยยืนยันพร้อมโชว์เอกสารว่าได้ไปดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา เพียงแต่ทางหน่วยงานดังกล่าว ยังปฏิบัติงานแบบ Work Form Home ทำได้เพียงฝากเรื่องไว้ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้น ตนกลัวเอกสารจะหายเลยรอหน่วยงานกลับมาปฏิบัติงานแบบปกติ แล้วจะกลับมายื่นด้วยตัวเองอีกครั้ง
ยุทธพงศ์ ยังแสดงเอกสารที่ยื่นถึง ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 เพื่อขอให้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน ส่วนที่เรืองไกร ได้ไปยื่นเอาผิดตน จนอาจเป็นเหตุถึงขั้นพ้นจากตำแหน่ง ในส่วนนี้ก็เป็นสิทธิของ เรืองไกร แต่ตนเพียงขอให้เรืองไกร รีบชี้แจงว่าผู้ใหญ่ใจดีที่ซื้อรถให้เป็นใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ยุทธพงศ์ ยื่นหนังสือนั้น เรืองไกร ได้ขับรถยนต์คันที่เป็นประเด็นมาตามคำท้าของ ยุทธพงศ์ด้วย โดยได้จอดอยู่บริเวณหน้าบริษัทริมถนน ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ด้านใน เพราะเกรงว่าจะถือเป็นการบุกรุกสถานที่ โดยทั้งสองคนได้ปะทะคารมกัน
โดยเรืองไกรได้เริ่มถาม ยุทธพงศ์ว่าภรรยามาด้วยหรือไม่ ก่อนที่ ยุทธพงศ์จะเกิดอาการโมโหขึ้นมาเล็กน้อย เพราะโชว์เอกสารสมรส ก่อนที่ทั้งคู่เริ่มเถียงกันถึงการยื่นดำเนินดคีของกันและกัน บอกให้รีบไปดำเนินการ
ขณะที่ ยุทธพงศ์ ก็กล่าวอ้างพร้อมโชว์เอกสารว่าไปมาแล้ว เพียงรอไปยื่นเรื่องด้วยตัวเอง เพราะตนคือคนจริง ไม่ใช่ชอบส่งเรื่องไปตามไปรษณีย์เหมือน เรืองไกร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีเหตุรุนแรง ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกันเดินทางกลับ