สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติระบุว่า 2% ของประชากรในยูเครนทำการอพยพในช่วงเวลาไม่ถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ธนาคารโลกประมาณการประชากรของยูเครนในช่วงสิ้นปี 2563 ว่ามีอยู่ที่ 44 ล้านคน
นอกจากนี้ สหประชาชาติได้คาดการณ์ว่าอาจมีประชากรทั้งสิ้น 4 ล้านคนที่ต้องอพยพออกนอกประเทศ อย่างไรก็ดี สหประชาชาติย้ำเตือนว่าอาจมีผู้อพยพลี้ภัยพุ่งสูงขึ้นกว่าการคาดการณ์อีกจำนวนมาก ทั้งนี้ ตัวเลขการอพยพจำนวน 1 ล้านคนได้รับการรายงานจากประเทศต่างๆ ที่เปิดรับผู้อพยพจากยูเครนมารวมกัน
ฟิลิปโป กรานดี ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติทวีตข้อความระบุว่า “ในเวลาเพียงแค่ 7 วัน เราเห็นตัวเลขการอพยพนับล้านจากยูเครนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน” ทั้งนี้ ชาเบีย แมนทู โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติกล่าวว่า “ในอัตราดังกล่าว” ของผู้อพยพออกนอกยูเครนอาจจะทำให้เกิด “วิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ”
ปัจจุบันนี้ อัตราผู้อพยพที่มากที่สุดเกิดขึ้นในช่วงปี 2554 หลังจากการเกิดสงครามกลางเมืองในซีเรีย ซึ่งส่งผลให้เกิดผู้อพยพจำนวนกว่า 5.6 ล้านคน ในขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติชี้ว่า อัตราตัวเลขผู้อพยพซีเรียที่พุ่งสูงขึ้นในตอนนั้นเกิดขึ้นราวปี 2556 และใช้เวลากว่า 3 เดือนกว่าจะมีตัวเลขผู้ลี้ภัยซีเรียออกนอกประเทศกว่า 1 ล้านคน
ในขณะที่ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้แถลงกับประชาชนในวันนี้ (3 มี.ค.) เพื่อเรียกร้องขอให้ประชาชนยังคงต่อสู้เพื่อประเทศ “เราคือปวงชนที่ใช้เวลาสัปดาห์ที่ผ่านมาทำลายแผนการของศัตรู” เซนเลนสกีระบุ “พวกเขาจะไม่มีความสงบสุขที่นี่ พวกเขาจะไม่มีอาหาร พวกเขาจะไม่มีช่วงเวลาที่เงียบสงบ”
“ยูเครนไม่ต้องการที่จะให้ตัวเองปกคลุมไปด้วยร่างของทหาร กลับบ้านไปซะ” เซเลนสกีระบุถึงทหารรัสเซียที่กำลังรุกรานประเทศของตนเอง ก่อนที่จะมีการระบุว่ากองทัพยูเครนได้สังหารทหารของรัสเซียแล้วอย่างน้อย 9,000 คน อย่างไรก็ดี กองทัพรัสเซียสามารถยึดครองพื้นที่ทางตอนใต้ของยูเครนได้แล้ว
ที่มา: