ไม่พบผลการค้นหา
แหล่งข่าวภายในชี้ 'มาร์ก' พยายามพูดเรื่องความปลอดภัยข้อมูลของ บ.จีน กับ 'ทรัมป์' เอื้อประโยชน์การทำลายคู่แข่งอย่าง TikTok ที่เติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

จริงอยู่ที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสมือนเป็นผู้มีบทบาทในการกดดันบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนอย่างต่อเนื่อง ไล่มาตั้งแต่ 'หัวเว่ย' กับกรณี 'เมิ่งหว่านโจว' ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินที่ยังถูกจับกุมตัวอยู่ในแคนาดา จนล่าสุดกับแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่มีผู้ใช้งานชาวอเมริกันมากว่า 100 ล้านราย อย่าง TikTok 

อย่างไรก็ตาม รายงานพิเศษจาก WSJ ชี้ให้เกิดการตั้งข้อสังเกตว่า แท้จริงแล้ว 'มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก' ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเฟซบุ๊ก อาจกำลังใช้ท่าทีของสหรัฐฯ กับประเด็นความปลอดภัยข้อมูลต่อรัฐบาลจีนในการเอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้แพลตฟอร์มของตัวเอง 

เมื่อ 23 ส.ค. WSJ ลงข่าวอ้างอิงแหล่งข่าวภายในไม่เปิดเผยนาม ชี้ว่า เมื่อ ต.ค. 2562 ที่ซีอีโอแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขนาดใหญ่ของโลกเข้าพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการหยิบประเด็นความเสี่ยงและความปลอดภัยของข้อมูลที่ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของ TikTok ถืออยู่ในกำมือขึ้นมาพูดคุยในมื้ออาหารเย็นส่วนตัว

ทรัมป์ - TikTok -AFP
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

แหล่งข่าวใกล้ชิดชี้ว่า มาร์ก พยายามพูดคุยประเด็นดังกล่าวกับสมาชิกวุฒิสภาหลายคน จนกระทั่ง ปลายเดือน ต.ค. วุฒิสภา ทอม ค็อตตอน ผู้ที่มีโอกาสได้พูดคุยกับซีอีโอเฟซบุ๊กช่วงเดือน ก.ย. และ วุฒิสภา ชัก ชูเมอร์ ร่วมกันเขียนจดหมายถึงหน่วยสืบราชการลับ (CIA) ของสหรัฐฯ เพื่อกดดันให้มีการสอบสวน TikTok 

ต้นเดือน พ.ย. ปีก่อนหน้า สหรัฐฯ เริ่มกระบวนการตรวจสอบ TikTok อย่างจริงจัง ซึ่งในตอนนั้นบริษัทออกมาชี้แจงว่า "ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนแล้วว่าความสำคัญอันดับหนึ่งของบริษัทคือการทำให้ผู้ใช้งานและผู้กำหนดนโยบายในสหรัฐฯ เชื่อถือ" โดยบริษัทพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐสภาเต็มที่

ล่าสุด ทรัมป์ เพิ่งลงนามในหนังสือคำสั่งพิเศษ กำหนดให้ไบต์แดนซ์ต้องขายกิจการในสหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 90 วัน นับจากวันที่ลงประกาศ เมื่อ 14 ส.ค. แพลตฟอร์มยังต้องลบข้อมูลบันทึกทั้งหมดบนแพลตฟอร์มของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ พร้อมกับแจ้งการกระทำทั้งหมดกับคณะกรรมการเพื่อการลงทุนต่างประเทศ (CFIUS) เมื่อบริษัททำลายข้อมูลทั้งหมดแล้ว

ภายหลังประกาศดังกล่าว ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากฝั่ง TikTok คือการออกมาดำเนินคดีกับสหรัฐฯ อ้างอิงความไม่เป็นธรรมในการแทรกแซงเอกชนจากภาครัฐ

นอกจากความพยายามปฏิสัมพันธ์กับเหล่าผู้กำหนดนโยบายจากทางภาครัฐ มาร์ก ยังตั้งทีมงานที่ชื่อว่า 'American Edge' ซึ่งมีหน้าที่ในการโปรโมทว่าบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศ ความมั่นคงของชาติ และการมีอิทธิพลเหนือวัฒนธรรมมากน้อยแค่ไหน 

ในรายงานฉบับดังกล่าว ผู้เขียน WSJ ชี้ว่า เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กพูดคุยในโต๊ะอาหารส่วนตัวนั้นมีอิทธิพลต่อบทบาทและการดำเนินงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อ TikTok ยังไงบ้าง เนื่องจาก แอนดี สโตน โฆษกของเฟซบุ๊กชี้ว่า มาร์ก จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น ซึ่งเติบโตได้ดีทั่วโลกจนแทบจะขึ้นมาเป็นคู่แข่งรายสำคัญของเฟซบุ๊ก ขณะที่โฆษกของรัฐบาลสหรัฐฯ สงวนท่าที และกล่าวเพียงว่าหน้าที่สำคัญของรัฐบาลคือการปกป้องประชาชนจากความเสี่ยงทางไซเบอร์ 

เฟซบุ๊ก - AFP


เมื่อเป็นคู่แข่ง จึงต้องแข่ง และขัดแข้งขัดขา 

หากก้าวข้ามประเด็นทางการเมืองของ 2 มหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐฯ และจีน กลับมามองในเชิงธุรกิจระหว่างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรุ่นบุกเบิกอย่างเฟซบุ๊กที่ประวัติการใช้ประโยชน์ในความยิ่งใหญ่ของแพลตฟอร์มเอาเปรียบและทำลายคู่แข่ง

ไบรอัน ไวเซอร์ ประธานหน่วยธุรกิจอัจฉริยะทั่วโลก ของกรุ๊ปเอ็ม ชี้ว่า TikTok เติบโตจากแอปพลิเคชันที่ไม่มีใครเหลียวแลขึ้นมาเป็นคู่แข่งสำคัญที่มียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมากที่สุดในไตรมาสแรกของปีนี้ 

ตัวเลขผู้ใช้งาน TikTok ต่อเดือนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 800% นับตั้งต่ ม.ค. 2561 ที่มีผู้ใช้งานต่อเดือนราว 11 ล้านคน ขึ้นมาทะลุตัวเลข 100 ล้านคน ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ขณะตัวเลขผู้ใช้งานรายเดือนในสหรัฐฯ และแคนาดาของเฟซบุ๊ก ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ราว 256 ล้านคน 

TikTok -AFP

แม้เฟซบุ๊กจะยังนำอยู่ไม่น้อย แต่ที่ผ่านมา ดูเหมือน มาร์ก จะมีความพยายามดึงฐานผู้ใช้งานกลับมาที่แพลตฟอร์มในเครือของตัวเอง ด้วยความพยายามลอกรูปแบบแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นของ TikTok มาใส่ในแอปพลิเคชันอินสตาแกรม ผ่านสิ่งที่เรียกว่า 'Reels'

ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก เคยพยายามบ่อนทำลาย TikTok ด้วยการออกแอปพลิเคชันแยกที่เรียกว่า 'Lasso' ก่อนจะปิดตัวลงไปในเดือนที่ผ่านมาหลังแอปฯ ไม่สามารถซื้อใจผู้ใช้งานได้ ขณะที่หลายฝ่ายมองว่า Reels อาจจะโชคดีกว่า Lasso ในแง่ที่ทรัมป์เองกำลังมุ่งเป้าไปที่ TikTok อยู่ในห้วงเวลานี้

นอกจากนี้ มาร์ก ยังทุ่มเงินจำนวนหนึ่งในการจ่ายเงินให้กับเหล่าผู้ผลิตคอนเทนต์ชื่อดังใน TikTok ให้เข้ามาทดลองแพลตฟอร์มใหม่นี้ เพื่อหวังดึงผู้ติดตามของคนเหล่านั้นเข้ามาที่แพลตฟอร์มเช่นเดียวกัน 

แม้ไม่สามารถกล่าวได้อย่างชัดเจนว่าซีอีโอเฟซบุ๊กมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลสหรัฐฯ มากน้อยแค่ไหนต่อแนวนโยบายที่เกิดขึ้นกับบริษัทเทคโนโลยีของจีน แต่กล่าวได้แน่ชัดว่า หาก TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ ขึ้นมาจริงๆ ผลประโยชน์ไม่อาจตกไปอยู่กับใคร ได้นอกจากแพลตฟอร์มรายใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ อย่างเฟซบุ๊ก

อ้างอิง; WSJ, CNBC, NYT, Bloomberg, The Guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;