ไม่พบผลการค้นหา
อ่านทัศนคติสังคมอนุรักษ์นิยมญี่ปุ่น ผ่านเรื่องราวภาคสองของเรทสึโกะ สาวออฟฟิศผู้ชอบแอบไปปลดปล่อยความเกรี้ยวกราดด้วยเพลงเดธเมทัล

แอนิเมชั่น Aggretsuko ที่เริ่มออนแอร์ซีซั่นแรกเมื่อปีที่แล้วน่าจะถือเป็นปรากฏการณ์ฮิตในระดับหนึ่ง มันเล่าถึงแพนด้าแดงชื่อเรทสึโกะ สาวออฟฟิศที่ต้องเผชิญกับเจ้านายจอมโหด เพื่อนร่วมงานน่ารำคาญ และสภาวะโสดไร้คู่ เธอมีงานอดิเรกลับๆ คือการร้องคาราโอเกะเพลงเดธเมทัลอย่างเกรี้ยวกราดเพื่อระบายอารมณ์

สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เป็นที่โดนใจผู้คนคงเพราะมันเสนอเรื่องชีวิตประจำวันแบบใกล้ตัว อีกทั้งยังไปสะกิดด้านมืดของเราที่บางทีก็อยากลุกขึ้นมาอาละวาดในที่ทำงานกันทั้งนั้น ผู้เขียนจำได้ว่าตอนที่ซีซั่นแรกออกฉาย ผู้คนรอบตัวต่างพร้อมใจกันดู หรือตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นก็ต้องซื้อของฝากเกี่ยวกับ Aggretsuko มาให้เพื่อนฝูงชนิดหอบกันพะรุงพะรัง

Aggretsuko ซีซั่นสองเพิ่งฉายไปเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา โดยรวมแล้วดูได้แบบเพลินๆ สิ่งที่ซีรีส์ยังทำได้ดีคือฉากระเบิดพลังร้องเพลงต่างๆ ส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบดูช่วงบทสนทนาเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ช่วงร้องเพลงจะเปลี่ยนเป็นพากย์อังกฤษเพราะรู้สึกว่าเรียบเรียงเพลงได้ดีมาก อีกสิ่งที่สังเกตได้ในซีซั่นสองคือการพยายามเล่าเรื่องที่ไกลตัวขึ้นให้มีขอบเขตพ้นไปจากออฟฟิศของเรทสึโกะ แต่นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความน่าผิดหวังของซีซั่นนี้

[บทความต่อจากนี้เปิดเผยเนื้อหาของ Aggretsuko ซีซั่นสอง]

เราอาจแบ่งเนื้อหาของ Aggretsuko ซีซั่นสองเป็นสองส่วนด้วยกัน ครึ่งแรกเล่าถึงตัวละครใหม่ที่ชื่อ อาไน พนักงานรุ่นน้องของเรทสึโกะที่เพิ่งเริ่มทำงาน ซีรีส์เปิดเผยว่าอาไนเป็นคน ‘ไม่ปกติ’ อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเพื่อนๆ ที่ทำงานอยู่ญี่ปุ่นก็เม้าท์มอยมาว่าในสังคมทำงานญี่ปุ่นมีคนแบบนี้อยู่มากมาย (อย่าลืมว่านี่คือประเทศที่อัตราอาชญากรรมต่ำ แต่ในทางกลับกัน เดินถนนอยู่ดีๆ ก็อาจมีคนเอามีดมาแทงคุณโดยปราศจากเหตุผลใดๆ)

02.jpg

ผู้เขียนอินกับพาร์ทนี้พอสมควร ในฐานะที่ทำงานอยู่ในแวดวงศิลปะหลายแขนง ทุกวี่ทุกวันต้องประสบพบเจอกับบรรดาคนติสต์-เฮี้ยน-เซอร์-เหวอ (หรือบางทีก็เรียกเหมารวมว่า ‘คนบ้า’) มากมาย แต่หลักการของผู้เขียนมีอยู่ว่าคุณจะบ้าหรือเพี้ยนแค่ไหนก็เรื่องของคุณ แค่อย่ามาคุกคามกันก็พอ ในขณะที่ตัวละครอาไนนั้นคุกคามคนอื่นอย่างชัดเจน

นี่จึงเป็นประเด็นน่าหงุดหงิดของ Aggretsuko ซีซั่นสองที่พยายามประนีประนอมกับอาไนเสียเหลือเกิน จริงอยู่ว่าคนประเภทนี้อาจต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ ไปใช้ไม้แข็งเข้าก็อาจทำอะไรรุนแรงไม่คาดคิด หรือเผลอๆ จะกลายเป็นการรุม bully ในที่ทำงาน แต่ผู้เขียนก็รู้สึกว่าผู้สร้าง ‘โอ๋’ อาไนมากเกินไป และแทบจะกลายเป็นการสร้างความชอบธรรมกับการเป็นคนบ้าในสังคมทำงานแล้ว

03.jpg

ส่วนเนื้อหาครึ่งหลังของซีซั่นสองว่าด้วยความรักของเรทสึโกะกับหนุ่มรวยล้นฟ้าทาดาโนะ (ซึ่งเขียนบทออกมาได้เพ้อเจ้อยิ่งกว่าละครไทยยุคสิบปีที่แล้วเสียอีก) แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องสะดุดลงด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกันเรื่องแต่งงาน


ผู้เขียนช็อคอยู่เหมือนกันว่าปี 2019 แล้วทำไมซีรีส์ยังให้ตัวละครมาเถียงกันเรื่องโบราณแบบนี้อีก เพราะการแต่งงานในทัศนคติของเรทสึโกะเป็นเรื่องความโรแมนติก (ที่ออกจะเลื่อนลอย) ล้วนๆ


และมันยิ่งดูเป็นเรื่องตกยุคเมื่อคิดว่าสังคมญี่ปุ่นกำลังถกเถียงกันเรื่องการแต่งงานของเพศเดียวกันซึ่งเป็นเรื่องของสิทธิ หรือกระทั่งการแต่งงานกับมนุษย์กับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างการแต่งงานกับโฮโลแกรมที่เกี่ยวโยงไปถึงเรื่องเทคโนโลยีและจริยธรรม

เราอาจแบ่งฟากแบบหยาบๆ ได้ว่าทาดาโนะเป็นตัวแทนของคนที่มีแนวคิดแบบใหม่ ส่วนเรทสึโกะคือผู้ที่เชื่อในความคิดแบบดั้งเดิม ทว่าการดีเบทของความเก่า/ใหม่ครั้งนี้มันไม่สนุกเพราะผู้สร้างเลือก ‘เข้าข้าง’ ฝั่งเรทสึโกะอย่างชัดเจน และไม่ต้องสังเกตให้ถี่ถ้วนก็เห็นได้ชัดว่า Aggretsuko สนับสนุนแนวคิดประเภท ‘แบบแผนนิยม’ ทั้งการแต่งงาน, การดูตัว, คำสอนเรื่องชีวิตคู่จากแม่ผู้จุ้นจ้าน หรือครอบครัวแสนสุขของคุณป้าฮิปโป

01.jpg

ไปๆ มาๆ Aggretsuko เลยกลายเป็นแอนิเมชั่นที่แหกขนบแค่เรื่องตัวละครน่ารักที่ลุกขึ้นมาอาละวาดร้องเพลงเท่านั้น แต่เนื้อหาอื่นๆ กลับอยู่ในกรอบแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่นเสียเหลือเกิน ผู้เขียนถึงขั้นเขินแทนที่โปรดักต์ชันที่ทำเพื่อฉายระดับทั่วโลก กลับนำเสนอประเด็นค่อนข้างเชยแบบนี้ แต่เมื่อใคร่ครวญให้ดีนี่ก็สะท้อน mentality แบบญี่ปุ่นได้ดี ถึงการนำเสนอและยึดมั่นให้อัตลักษณ์ของตนเอง ความเป็นญี่ปุ่นใน Aggretsuko จึงเป็นเรื่องเดียวกับการที่เว็บโรงแรมญี่ปุ่นหลายแห่งยังมีแต่ภาษาญี่ปุ่น, เว็บตั๋วคอนเสิร์ตที่รับเฉพาะบัตรเครดิตญี่ปุ่น หรือมิวสิกวิดีโอที่ล็อกโซนให้เฉพาะคนญี่ปุ่นดูเท่านั้น

นั่นก็เลยทำให้ Aggretsuko ที่มีแนวโน้มจะปฏิวัติวงการแอนิเมชั่นได้ กลายสภาพเป็นอีกหลักฐานของชุดความคิดแบบประเทศเกาะ (Galapagos syndrome) ไปอย่างน่าเสียดาย  

00.jpg