ฤดูกาลลำไยปี 2568 เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางผลผลิตที่พุ่งสูง โดยพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน มีผลผลิตลำไยรวมกันสูงกว่า 1.06 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณ 947,140 ตัน หรือคิดเป็นกว่า 117 ล้านกิโลกรัม สาเหตุหลักมาจากสภาพอากาศที่เย็นยาวนาน ซึ่งเอื้อต่อการติดดอกและให้ผลผลิตที่ดี
เพื่อรองรับผลผลิตที่เพิ่มขึ้น กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน จึงเดินหน้าแผนบริหารจัดการผลไม้แบบครบวงจร ด้วยการออกมาตรการเร่งด่วน รวม 8 มาตรการ 25 แผนงาน ครอบคลุมตั้งแต่การกระจายผลผลิตในประเทศ การแปรรูปสินค้า ไปจนถึงการขยายตลาดส่งออกต่างประเทศ โดยตั้งเป้าระบายผลผลิตให้ได้ถึง 950,000 ตัน ในฤดูกาลนี้
8 มาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย
1. ส่งออกลำไยสดช่อ – รวบรวมผลผลิตลำไยสดเพื่อส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ
2. จัดแคมเปญ Thai Fruits Festival 2025 – กระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยในประเทศ
3. จับมือห้างค้าส่ง-ค้าปลีก เช่น แมคโคร โลตัส บิ๊กซี ฯลฯ รับซื้อลำไยจากเกษตรกรโดยตรง
4. ส่งเสริมระบบ Pre-order และ CSR ภาคเอกชน – กระตุ้นให้ภาคธุรกิจร่วมซื้อผลผลิตลำไยแบบต่อเนื่อง
5. สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์มาตรฐาน ร่วมกับไปรษณีย์ไทย เพื่อกระจายลำไยอย่างมีประสิทธิภาพ
6. จับคู่ธุรกิจ (MOU) ระหว่างผู้ประกอบการลำไยอบแห้งกับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่
7. แจกเป็นของสมนาคุณในปั๊มน้ำมัน – เพิ่มช่องทางกระจายสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค
8. ขยายตลาดใหม่ ๆ เช่น การขายน้ำผลไม้สมูทตี้ผ่าน “ตู้เต่าบิน” และแปรรูปเป็นเมนูอาหาร/เครื่องดื่มบนสายการบินไทยแอร์เอเชีย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังตั้ง War Room เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกำหนดมาตรการฉุกเฉินในกรณีจำเป็น เช่น การสนับสนุนค่าบริหารจัดการให้โรงอบรับซื้อลำไย “รูดร่วง” เพิ่มขึ้น เพื่อนำไปอบแห้งและส่งออก
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้เร่งเจรจาเพื่อเปิดตลาดศักยภาพใหม่ ๆ พร้อมกระตุ้นผู้นำเข้าในตลาดหลัก ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ควบคู่ไปกับการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม e-Commerce ทั้งในและต่างประเทศ