อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กลับมาปฎิบัติหน้าที่สส.หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยคดีการถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ พร้อมจับตา 3 โครงการเรือธงเป็นพิเศษ คือดิจิทัลวอลเล็ต แลนด์บริดจ์ และซอฟต์พาวเวอร์ ว่า เป็นเวลา 6 เดือนที่สภามี สส.ไม่ครบ 500 คน
"เข้าใจว่านายพิธาอาจรู้สึกเสียดายและเสียโอกาสที่ไม่ได้ทำหน้าที่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ต้องเข้าใจว่าปัญหานี้เป็นปัญหาเฉพาะตัวของ พิธาเองไม่เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาล การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเป็นหน้าที่ของสภาและองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว พิธาจะจับตาโครงการใดของรัฐบาลก็เป็นสิทธิ รัฐบาลคงไม่ต้องไปตกใจอะไร การตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้านก็คงทำหน้าที่เหมือนกับช่วงที่ผ่านมา เพียงแค่มี สส.เพิ่มขึ้นมาในฝ่ายค้านอีกหนึ่งคนเท่านั้น คงไม่มีผลกระทบอะไรกับรัฐบาล"
ในทางกลับกันอาจกระทบกับฝ่ายค้านเองมากกว่า ว่าจะคืนตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้พิธา หรือไม่ ถ้าคืนจะคืนกี่โมง รวมถึงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร จะตัดสินใจปรับเปลี่ยนกันอย่างไร เข้าใจว่าฝ่ายค้านเองอาจต้องใช้เวลาสักระยะกว่าจะปรับโครงสร้างองคาพยพเพื่อหาที่หาทางให้นายพิธาให้เหมาะสม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลก็เดินหน้าทำงานต่อ ไม่มีความจำเป็นต้องรอฝ่ายค้านพร้อมหรือไม่พร้อม การเมืองใหม่ที่ทุกคนอยากเห็นคือ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ถ้ายึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ประเทศก็เดินหน้าได้ เข้าใจว่าเป็นฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ค้าน ทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่ไม่จำเป็นต้องค้านทุกเรื่อง
“ประเทศไทยต้องเดินไปข้างหน้า การตรวจสอบรัฐบาลของฝ่ายค้านสามารถทำได้ บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน แต่ไม่จำเป็นต้องค้านทุกเรื่อง เรื่องใดที่คัดค้านแล้วทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส ไม่ได้ประโยชน์ หรือนำพาประเทศกลับไปสู่วังวนของความขัดแย้งต้องระมัดระวัง” อนุสรณ์ กล่าว