คืนวันที่ 16 กรกฎาคม ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของนิวรัลลิงก์ (Neuralink) บริษัทลับของเขาซึ่งก่อตั้งในปี 2017 อีลอน มัสก์ชี้ว่าเพดานของมนุษย์คือความเร็วในการส่งข้อมูลที่มีอยู่จำกัด แต่ด้วยการพัฒนาส่วนต่อประสานสมอง–คอมพิวเตอร์ (brain-computer interface) อย่างแท้จริง มนุษย์จะไม่ถูกปัญญาประดิษฐ์ทิ้งไว้ข้างหลัง แต่จะพัฒนาไปด้วยกันและอยู่ร่วมแบบพึ่งพาอาศัยกับเอไอได้
ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ที่นิวรัลลิงก์นำเสนอ คือการพัฒนา 'สายสื่อประสาท' ที่ถักทอจากขั้วไฟฟ้าสำหรับเชื่อมกับชิปที่ฝังในกะโหลก ซึ่งทางนิวรัลลิงก์ชี้ว่ามั่นคงพอที่ผ่านเนื้อเยื่อสมองเข้าไปได้ ทนต่อการเสื่อม และอ่อนพอที่จะไม่ทำให้เนื้อเยื้อสมองฉีกขาด จากเดิมที่ใช้ขั้วไฟฟ้าในรูปของเข็มฝังในสมอง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงขณะฝังและเสื่อมสมรรถภาพลงเรื่อยๆ ตามกาลเวลา
สายสื่อประสาทนี้มีขนาดเล็กอย่างยิ่งราว 4-6 ไมโครเมตร (เล็กราว 1 ใน 3 ของเส้นผ่าศูนย์กลางเส้นผมมนุษย์) นับเป็นเทคโนโลยีที่เปิดความเป็นไปได้ที่จะถ่ายโอนข้อมูลปริมาณมากระหว่างชิปกับสมองและส่งไปยังส่งไปยังคอมพิวเตอร์ได้ โดยในปัจจุบันสายสื่อประสาทนี้ทำงานร่วมกับชิปในศีรษะซึ่งขยายสัญญาณจากสมองและอ่านข้อมูลผ่านพอร์ตยูเอสบี แต่ทางบริษัทตั้งเป้าหมายให้ทำงานได้แบบไร้สายในอนาคต ระบบของนิวรัลลิงก์รับรองขั้วไฟฟ้ามากถึง 3,072 ขั้ว กระจายอยู่ทั่วสายสื่อประสาท 96 สาย เชื่อมกับชิปในศีรษะ
นิวรัลลิงก์ ยังเปิดตัวหุ่นยนต์ศัลยกรรมที่มีความแม่นยำพอจะฝังสายสื่อประสาทขนาดเล็กนี้เข้าไปในเนื้อเยื่อสมองได้โดยไม่สร้างความเสียหายต่อเส้นเลือด โดยในเอกสารของนิวรัลลิงก์ชี้ว่าหุ่นยนต์นี้สามารถฝังสายสื่อประสาทได้ 6 สาย (มีขั้วไฟฟ้า 192 ขั้ว) ต่อนาที นิวรัลลิงก์ ระบุว่าจากการทดสอบ หุ่นยนต์ศัลยกรรมนี้ผ่าตัดสัตว์ 19 ครั้ง ประสบความสำเร็จ 87 เปอร์เซ็นต์
ในระยะยาว นิวรัลลิงก์กำลังหาทางทำให้มนุษย์มีชีวิตพึ่งพาอาศัยร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ได้ สำหรับเป้าหมายในปัจจุบันคือการพัฒนาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ โดยใช้หุ่นยนต์ของนิวรัลลิงก์ที่ทำหน้าที่คล้ายเครื่องเย็บผ้า
ทั้งนี้ ในช่วงถาม-ตอบของการนำเสนอ มัสก์ได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้
"ลิงตัวหนึ่งสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ด้วยสมองได้แล้ว" มัสก์ กล่าว
แม็กซ์ โฮดัก ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของนิวรัลลิงก์ กล่าวกับนิวยอร์กไทมส์ว่า เชื่อว่าในทางทฤษฎีแล้ว เทคโนโลยีของนิวรัลลิงก์จะสามารถใช้ทางการแพทย์ได้เร็วๆ นี้ โดยรวมถึงการประยุกต์ใช้ให้ผู้พิการสามารถขยับอวัยวะผ่านอวัยวะเทียม ทำให้กลับมามองเห็น ได้ยิน หรือรู้สึกได้อีกครั้ง โฮดักหวังว่าจะเริ่มทดสอบในมนุษย์ภายในปีหน้า โดยอาจร่วมมือกับศัลยแพทย์ระบบประสาทจากสแตนฟอร์ดหรือสถาบันอื่นๆ ทั้งนี้ ทางบริษัทยังไม่ได้เริ่มกระบวนการขออนุญาตทดสอบในมนุษย์กับองค์การอาหารและยา
อย่างไรก็ตาม โฮดักชี้ว่าในปัจจุบันยังต้องใช้ยาชาและการเจาะกะโหลกด้วยสว่านในการผ่าตัดอยู่ แต่ว่าโฮดักหวังว่าในที่สุดแล้วจะเปลี่ยนไปใช้เลเซอร์แทน
อีลอน มัสก์ เป็นซีอีโอของบริษัทนิวรัลลิงก์ และเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนส่วนใหญ่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,090 บาท) จากทั้งหมด 158 ล้านดอลลาร์ฯ (ราว 4,880 ล้านบาท) ซึ่งระดมทุนจากซีอีโอสเปซเอ็กซ์และเทสลา นิวรัลลิงก์มีพนักงาน 90 คนและกำลังต้องการพนักงานเพิ่ม โดยหนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของการเปิดตัวเทคโนโลยีครั้งนี้ก็เพื่อรับสมัครคนมาพัฒนาเทคโนโลยีของนิวรัลลิงก์
ที่มา: Tech Crunch / The Verge / Wired / Gizmodo