นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยว่า ตามที่แขวงทางหลวงยโสธร กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม กำลังจะดำเนินโครงการขยายหรือปรับปรุงถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 23 ตอนยโสธร-บ้านย่อ ระหว่าง กม.182+600 ถึง กม.185+000 ซึ่งจะต้องมีการตัดโค่นต้นยางนาอายุหลายร้อยปีออกไปจากแนวถนนดังกล่าวหลายสิบต้น โดยได้ออกมาตีตราประทับเพื่อดำเนินการตัดโค่นต้นยางนาดังกล่าวออกไปจากแนวถนนแล้วนั้น
เนื่องจากตลอดแนวเส้นทางดังกล่าวมีต้นไม้ขนาดใหญ่อายุมากกว่า 100 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะต้นยางนา อันเป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก. ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ซึ่งขึ้นเรียงรายอยู่สองฝั่งฟากถนนเป็นจำนวนมาก ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ได้อนุรักษ์ รักษา และหวงแหนไว้เพื่อใช้เป็นร่มเงาในการเดินทางสัญจรตลอดมา แต่พบว่าแขวงการทางยโสธรกลับดำเนินการตีตราประทับต้นไม้เพื่อดำเนินการตัดฟันโค่นทำลายต้นยางนาดังกล่าวออกไป
การกระทำดังกล่าวของกรมทางหลวง ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจิตใจประชาชนและย่ามใจโดยไม่คำนึงถึงกฎหมาย สิ่งแวดล้อม ข้อเสนอแนะและเสียงคัดค้านของประชาชน ที่ต้องการให้ออกแบบขยายถนนโดยการเบี่ยงเส้นทางเพื่อรักษาต้นไม้ไว้ แต่กลับใช้อำนาจกระทำการโดยไม่สนใจกระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งเป็นการขัดต่อนโยบายของรัฐบาลและแผนยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม เพิ่มพื้นที่สีเขียว และลดปัญหาโลกร้อน
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนจึงขอเรียกร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร อธิบดีกรมทางหลวง และรมว.คมนาคม นายกรัฐมนตรี ได้โปรดสั่งให้มีการทบทวนการสั่งตัดต้นไม้ใหญ่ ไม้หวงห้ามดังกล่าวเสีย พร้อมตั้งกรรมการสอบ ผอ.แขวงทางหลวงยโสธร ว่าการเตรียมการตัดต้นไม้หวงห้ามดังกล่าวมีการรับฟังความเห็นของประชาชนตามที่กฎหมายกำหนดป่าไม้แล้วหรือไม่ การขยายหรือปรับปรุงถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 23 โดยการโค่นต้นยางนาอายุกว่า 100 ปี ถือได้ว่าเป็นการทำลายสภาพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนถนนโดยไม่ฟังเสียงประชาชน ทั้งๆ ที่การปรับปรุงหรือขยายถนนสามารถใช้เทคนิควิศวกรรมก่อสร้างถนนสามารถหลีกเลี่ยงได้
และปัจจุบันคนทั่วโลกได้หันมาดูแล รักษาและอนุรักษ์ต้นไม้ใหญ่กันแล้ว เพราะต้นไม้แต่ละต้นกว่าจะปลูก กว่าจะอนุรักษ์ให้ยืนต้นอยู่ได้ขนาดนี้ ได้สร้างคุณูปการให้กับประชาชนและสิ่งแวดล้อมมามากมายมหาศาล หากใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการตัดโค่นไป จะสอนลูกหลานให้รักต้นไม้ ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างไร เพราะหากแขวงการทางยโสธรยังคงเดินหน้าตัดโค่นต้นยางนาดังกล่าวต่อไป สมาคมฯ จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกับชาวยโสธรและคนไทยทั้งประเทศในการยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อระงับโครงการฯ ดังกล่าวต่อไป