นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนผู้ประกอบอาชีพประมงเรือพื้นบ้านอยู่เนืองๆ สำนักงาน คปภ. จึงร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยพัฒนารูปแบบการประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติให้กับชาวประมง
เลขาธิการ คปภ. ในฐานะนายทะเบียนจึงได้ลงนามในคำสั่งนายทะเบียนเลขที่ 32/2562 เรื่อง ใช้แบบ ข้อความ และ อัตราเบี้ยประกันภัยของกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อกลุ่มชาวประมงเรือพื้นบ้าน รวมทั้งกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อชาวประมงพื้นบ้าน และ กรมธรรม์ประกันภัยเพื่อชาวประมงภาคสมัครใจ (ไมโครอินชัวรันส์) เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 เลขาธิการ คปภ. ได้นำคณะผู้บริหาร สำนักงาน คปภ. ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัยของ สำนักงาน คปภ. ผู้แทนจากกองทุนประกันชีวิต กองทุนประกันวินาศภัย สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาทางการเงิน สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทประกันภัยหลายบริษัท ลงพื้นที่ในรูปแบบ Mobile Insurance Unit ในโครงการ คปภ. เพื่อชุมชนปี 3 ซึ่งครั้งนี้เป็นการส่งเสริมความรู้ด้านการประกันภัยให้เหมาะสมกับบริบทของชุมชนบ้านนาทับ-สะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
เนื่องจากชาวชุมชนแห่งนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำการประมงเป็นอาชีพหลัก มีผู้ประกอบอาชีพประมงเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมามีเรือที่ได้รับความเสียหายจากพายุต่างๆ เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย. 2561 ที่ผ่านมา เกิดภัยธรรมชาติจากพายุโซนร้อน 'ปลาบึก' ทำให้บ้านเรือน อาคารเรียน ศาลา แนวเขื่อน ถนนเลียบชายทะเล ตลอดจนเรือ ได้รับความเสียหาย ชาวบ้านตำบลนาทับได้รับผลกระทบและได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากพายุดังกล่าวอีกด้วย
ดังนั้น การที่สำนักงาน คปภ. พร้อมคณะดังกล่าวได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนนาทับ-สะกอม พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน ทำให้ชาวบ้านได้รับความรู้เรื่องการประกันภัยต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการประกันภัยประมงมากขึ้น เพื่อจะได้นำระบบประกันภัยไปใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงภัยให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งนำระบบประกันภัยมาช่วยเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนยามเมื่อมีภัย อันจะส่งผลให้ประชาชนมีสภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ สำนักงาน คปภ. จะได้รับทราบปัญหา อุปสรรค และข้อมูลความต้องการต่างๆ ในพื้นที่ เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่ออุตสาหกรรมประกันภัย
นายหมัดด๊ะ อำพันนิยม นายกสมาคมเรือประมงคลองนาทับ ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่าการลงพื้นที่ให้ความรู้ด้านประกันภัยประมง โดยสำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัยครั้งนี้ทำให้ชาวบ้านในชุมชนนาทับเข้าใจระบบประกันภัยประมงมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เกิดการตื่นตัวที่จะทำประกันภัยประมงและประกันภัยประเภทอื่นๆ กันมากขึ้น
โดยจะเห็นได้จากชาวบ้านให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก และมีคำถามเกี่ยวกับการทำประกันภัยประมงหลายประเด็น เช่น ประกันภัยประมงครอบคลุมความเสียหายทุกประเภทหรือไม่ เกิดความเสียหายอย่างไรถึงจะได้รับค่าสินไหมทดแทน และประกันภัยประมงมีต่อเนื่องทุกปีหรือไม่ ซึ่งวิทยากรได้ไขข้อข้องใจจนกระจ่างและทำให้ชาวบ้านมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำประกันภัยประมงดีขึ้นมาก จึงขอขอบคุณ สำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัย ที่นำองค์ความรู้ด้านประกันภัยเคลื่อนที่มาสู่ประตูบ้านของชุมชนผ่านโครงการ คปภ. เพื่อชุมชนปี 3
นายฝีน ขวัญโต๊ะเร๊ะ ชาวประมง ในพื้นที่หมู่ 13 บ้านคลองข่า ตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า การนำองค์ความรู้ด้านประกันภัยสู่ประตูบ้านชุมชนเช่นนี้ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านในชุมชน เป็นอย่างมาก ทำให้เข้าใจถึงระบบการทำประกันภัยประมงดีขึ้น ในขณะเดียวกันชาวบ้านผู้ทำการประมงก็สามารถสะท้อนสภาพปัญหาและความต้องการที่จะให้บริษัทประกันภัยรับประกันภัยประมงได้ตรงตามความต้องการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :