ไม่พบผลการค้นหา
อิสราเอลได้รัฐบาลใหม่จากพรรคการเมือง "ร้อยพ่อพันธุ์แม่" ทั้งฝ่าย 'ซ้าย-ขวา' พร้อมนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลสองคน เพียงเพื่อไล่ 'เนทันยาฮู' พ้นเก้าอี้ผู้นำ

13 มิถุนายนที่ผ่านมา อิสราเอลก็ได้รัฐบาลชุดใหม่ และทำให้รัฐบาลเดิมภายใต้การนำของ เบนจามิน "บีบี" เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคลิคุด (Likud) มีอันต้องสิ้นสุดอำนาจลง หลังครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิสราเอลมานานกว่า 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ถือเป็นผู้นำรัฐบาลอิสราเอลที่ครองอำนาจมายาวนานที่สุด 'บีบี' ต้องพ้นจากเก้าอี้ หลังจากที่สภาเนสเซต (Knesset) ลงมติไว้วางใจในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่นำโดย ยาอีร์ ลาพิด ผู้นำฝ่ายค้านกลาง และนาฟตาลี เบนเนตต์ ผู้นำแนวชาตินิยมสุดขั้ว จัดตั้งรัฐบาลชุดที่ 36 ของประเทศ


รัฐบาลลุ่มๆดอนๆ ของเนทันยาฮู

ต้องบอกว่า "รัฐบาลแห่งชาติ" ซึ่งจัดตั้งจากกลุ่มพรรคการเมืองทั้ง 8 พรรค ภายใต้การนำของยาอีร์ ลาพิด และ นาฟตาลี เบนเนตต์ นั้น มีจุดประสงค์โดยหลักเพียงจุดประสงค์เดียวคือเพื่อโค่น รัฐบาลของเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้ครองเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอิสราเอลมายาวนานนับสิบปี เรื่องของเรื่องเริ่มจากการที่ช่วงตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา เนทันยาฮู ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตคอรัปชันหลายต่อหลายคดี จนส่งผลให้สั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล อิสราเอลต้องจัดการเลือกตั้งติดต่อกันถึง 4 ครั้งในระยะเวลาเพียง 2 ปี เนื่องจากว่า พรรคลิคุดที่เนทันยาฮูเป็นหัวหน้าพรรคนั้น โดยจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดของอิสราเอลเมื่อ 23 มีนาคมที่ผ่านมา แม้จะได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจมีคะแนนมากพอจะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ เนทันยาฮูจึงงัดสารพัดวิธีประสานงานกับพรรคอื่นเพื่อหาแนวร่วมรัฐบาล ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่อาจที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้เนื่องจากหลายพรรคการเมืองที่แม้เคยร่วมรัฐบาลกันมาแต่ครั้งก่อน แต่ตอนนี้กลับปฏิเสธเบือนหน้าหนีกันหมด

AFP - เบนจามิน เนทันยาฮู อิสราเอล

ต้องอธิบายด้วยว่า ระบบการเลือกตั้งของอิสราเอลเป็นระบบสัดส่วน แต่ละพรรคการเมืองจำเป็นต้องได้คะแนนอย่างน้อย 3% จึงจะได้ที่นั่งสมาชิกสภาผู้แทนฯ 1 เสียง โดยสภาเนสเซตมีที่นั่งทั้งสิ้น 120 เสียง ปัจจุบันอิสราเอลมีพรรคการเมืองพรรคหลักอย่างน้อยๆ 14 พรรค ด้วยระบบคำนวณคะแนนเสียงลักษณะนี้จึงแบ่งสัดส่วนกันไป ที่ผ่านมาอิสราเอลจึงไม่เคยมีพรรคการเมืองใดครองเสียงข้างมากในสภาฯ รัฐบาลอิสราเอลจึงมีลักษณะเป็นรัฐบาลผสมที่ประกอบกันด้วยอย่างน้อย 2 พรรคการเมืองมาโดยตลอด เป็นเหตุให้ริวเวน ริฟลิน (Reuven Rivlin) ประธานาธิบดีอิสราเอลต้องเปิดทางให้ยาอีร์ ลาปิด ผู้นำฝ่ายค้านเป็นผู้ฟอร์มรัฐบาลต่อไป 'ลาปิด' ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันรวบรวมเสียงข้างมากในรัฐสภาอิสราเอลจัดตั้งรัฐบาลขึ้นประกอบด้วย 8 พรรคการเมืองที่ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง สภาลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 60 ต่อ 59 รับรองให้ 'นาฟตาลี เบนเนต' ในฐานะผู้นำพรรคยามินาจากฝ่ายค้าน จัดตั้งรัฐบาลผสมเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ทั้งยังนับเป็นครั้งแรกที่พรรคของชนกลุ่มน้อยอาหรับได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล 


'เบนเนตต์-ลาพิด' กับพรรคผสมทั้ง 8 

ที่บอกว่ารัฐบาลของเบนเนตต์-ลาพิด มีความแตกต่างกันสิ้นเชิงเนื่องจาก พรรคร่วมทั้ง 8 พรรคนั้นประกอบด้วยพรรค Yesh Atid (สายกลาง) พรรค Blue and White (สายเสรีนิยม, สังคมเสรีนิยม) พรรค Yamina (สายขวาจัด-ลัทธิไซออนิสม์) พรรค Yisrael Beiteinu (กลางขวา) พรรค Labor (กลางซ้าย) พรรค New Hope (กลางขวา-ฝ่ายขวา) พรรค Meretz (ฝ่ายซ้าย) และพรรคUnited Arab List สายแนวร่วมอาหรับ นับเป็นรัฐบาลผสมที่มีพรรคแนวร่วมจำนวนมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เบนเนตประกาศว่าเขาจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นระยะเวลา 2 ปี ก่อนจะมอบหมายให้ยาอีร์ ลาพิด จากพรรคร่วมรัฐบาล Yesh Atid รับตำแหน่งต่อ (นายกอิสราเอลดำรงตำแหน่งวาระ 4 ปี)

นาฟตาลี เบนเบตต์ (Naftali Bennett)
  • นาฟตาลี เบนเบตต์ (Naftali Bennett)

สำหรับนาฟตาลี เบนเบตต์ (Naftali Bennett) เกิดเมื่อปี 2515 จบการศึกษาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแห่งเยรูซาเล็ม มีพื้นฐานจากครอบครัวยิวออร์ทอดอกซ์เคร่งศาสนา ชาตินิยม ชอบเทคโนโลยี เคยเป็นซีอีโอของบริษัทเทคโนโลยี เบนเนตต์เริ่มเข้าสู่แวดวงการเมืองตั้งแต่ปี 2549 เขามีประสบการณ์ทางการเมืองอย่างมากเช่น ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านภายใต้การนำของ เบนจามิน เนทันยาฮู, เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ, กระทรวงกิจการศาสนาและกระทรวงกิจการชาวยิวพลัดถิ่น ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในช่วงต้นการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งความพยายามของเขาคือการโอนความรับผิดชอบการจัดการโรคระบาดมายังกองทัพอิสราเอล จึงเป็นโอกาสการแสดงความสามารถในการแก้ปัญหา

เบนเนตเคยเป็นแนวร่วมรัฐบาลกับเนทันยาฮู แต่เริ่มตีตัวออกห่างจากเนทันยาฮูเมื่อปี 2562 เนื่องจากคดีทุจริต เนทันยาฮูจึงไม่มีแนวร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้ ต่อมาเมื่อ เบนนี แกนซ์ (Benny Gantz) ก่อตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นร่วมกับเนทันยาฮู เบนเนตจึงได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมรัฐบาลโดยไปเข้ากับฝ่ายค้านพร้อมกับเรียกร้องให้เนทันยาฮูลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

อิสราเอล

ว่าที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลอีกคนหนึ่งที่จะขึ้นครองเก้าอี้ต่อจากเบนเนตต์ แบ่งวาระการดำรงตำแหน่งคนละ 2 ปีคือ ยาอีร์ ลาพิด (Yair Lapid) จากพรรคร่วมรัฐบาล Yesh Atid สำหรับลาพิด เกิดเมื่อปี 2506 ที่เมืองเทลอาวีฟ จบการศึกษาและรับราชการด้านการทหารเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการคลัง ก่อนเข้าสู่เวทีการเมือง ลาพิดเคยประสบความสำเร็จในอาชีพนักข่าวและพิธีกรรายการโทรทัศน์ ส่งผลให้เขามีชื่อเสียงก่อนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ลาพิดเข้าสู่เส้นทางสายการเมืองเมื่อปี 2555 ด้วยการก่อตั้งพรรค Yesh Atid ซึ่งในปีถัดมาพรรคของเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก ได้ที่นั่งมากเป็นอันดับสองในกว่า 19 ที่นั่งจากทั้งหมด 120 ที่นั่ง ลาพิดมีประสบการณ์ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังร่วมกับรัฐบาลของเนทันยาฮูระหว่างปี 2556-2557 ต่อมาในปี 2558 พรรคของเขาปฏิเสธที่จะเป็นพันธมิตรกับเนทันยาฮูทำให้ปีนั้นพรรคประสบความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง จนเมื่อปี 2562 พรรค Yesh Atid ได้เป็นแนวร่วมกับพรรค Isarael Resilience ของ เบนนี แกนซ์ แต่ภายหลังแยกตัวออกมาหลังจากพบว่า แกนซ์ประกาศเป็นแนวร่วมกับเนทันยาฮู ซึ่งลาพิดกล่าวหาแกนซ์ว่าตระบัดสัตย์ต่อประชาชนผู้สนับสนุนที่จะล้มระบอบเนทันยาฮูร่วมกัน กระทั่งปี 2563-2564 ลาพิดดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในช่วงรัฐบาลเนทันยาฮู


ฟ้า (อาจ) ไม่ได้เปลี่ยนสีที่อิสราเอล

สิ่งที่ต้องจับตาคือ รัฐบาลผสมจากพรรคการเมืองร้อยพ่อพันธุ์แม่ของอิสราเอลชุดนี้ จะอยู่ได้นานเพียงแค่ไหน แม้รวบรวมเสียงข้างมากจนจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แต่ยังคงเกิดคำถามต่อเสถียรภาพที่แท้จริงของรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองต่างขั้วกันขนาดนี้ อย่างไรก็เบนเนตต์ กล่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกวารัฐบาลของเขา "จะทำงานเพื่อทุกคน" ให้ความสำคัญกับการฏิรูปการศึกษา, สาธารณสุขและปัญหาระบบราชการที่ล่าช้า หลายฝ่ายเชื่อว่ารัฐบาลของเบนเนตต์-ลาพิด พยายามที่จะหลีกเลี่ยงความเผชิญหน้า โดยเฉพาะประเด็นเรื่องปาเลสไตน์ โดยจะมุ่งเน้นการปฏิรูปด้านต่างๆ ภายในประเทศมากกว่า นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่า เบนเนตต์มีแนวโน้มจะมาแนวทางเดียวกับเนทันยาฮู ด้วยการใช้นโยบายเชิงอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาเหมือนกัน ขณะที่ฝ่ายเนทันยาฮูแถลงหลังพ้นตำแหน่งโดยโจมตีว่า รัฐบาลผสมที่แตกต่างกันขนาดนี้ไม่มีวันเกิดเสถียรภาพ  พร้อมลั่นวาจาว่า "พวกผมจะกลับมา" ส่วนกลุ่มฮามาสทางฝั่งปาเลสไตน์ยังคงเงียบและไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงนี้

ที่มา: The Jerusalem Post , Aljazeera , BBC