นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าว ผลสำรวจพฤติกรรมการปฏิบัติตามมาตรการ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ส่งแบบสอบถามออนไลน์ให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) นำไปสอบถามติดตามการปฏิบัติตน ของประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลังการผ่อนปรนมาตรการในเดือน ก.ค. - ก.ย. 2563 เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายในการปรับมาตรการของภาครัฐ โดยปรับปรุงข้อคำถามทุก 15 วัน
ผลสำรวจครั้งที่ 2 วันที่ 17-31 ก.ค. 2563 มีผู้ตอบแบบสอบถาม 63,619 ราย พบว่า พฤติกรรมการป้องกันตนเอง เมื่อเปรียบเทียบผลการสำรวจรอบที่ 1 ระหว่างวันที่ 15 พ.ค. – 2 ก.ค. พบว่าประชาชนมีการรวมกลุ่มทางสังคมเพิ่มขึ้น พฤติกรรมการป้องกันตนเองในภาพรวมลดลงจาก 0.84 เป็น 0.79 โดยเฉพาะการระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก การระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่นในระยะน้อยกว่า 2 เมตร และการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ส่วนพฤติกรรมของประชาชนในการขับเคลื่อน “ตำบลวิถีชีวิตใหม่ ปลอดภัยจากโควิด 19” มากที่สุดคือ พฤติกรรมการป้องกันตัวในชุมชน 89.7% รองลงมาคือ แจ้งเจ้าหน้าที่หากพบคนในครอบครัวมีอาการ 83.6% และจัดการสิ่งแวดล้อมในครัวเรือน 80.7%
ส่วนพฤติกรรมที่ทำน้อยที่สุด คือ การออกกำลังกายเป็นประจำ 55.6% และการลงทะเบียนไทยชนะ สถานที่ส่วนใหญ่ที่ไม่พบ QR CODE ของไทยชนะ หรือสมุดลงชื่อ คือ ตลาดสดและร้านค้าในตลาด 59.9% รองลงมาคือ ห้างสรรพสินค้า/ซูเปอร์มาร์เก็ต/คอมมูนิตี้มอลล์ 20.9% และร้านขายของนอกห้าง ร้อยละ 11.3 ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงลงทะเบียนไทยชนะ/ลงชื่อ ในสมุดในสถานที่ต่างๆ 68.1% ส่วนที่ไม่ลงทะเบียนฯ เนื่องจากลืม ทางร้านไม่มี QR CODE หรือสมุดลงชื่อ หรือใช้ไม่เป็น
“จากผลสำรวจแสดงให้เห็นว่าขณะนี้ประชาชนเริ่มหย่อนการป้องกันตนเอง ซึ่งจะต้องร่วมมือกันทั้งประเทศ โดยข้อมูลที่ได้จะส่งให้กับคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญกับเรื่องนี้ ปฏิบัติตัววิถีชีวิตใหม่ เพื่อป้องกันการกลับมาแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยตั้งเป้าหมายใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ใช้ช้อนกลางส่วนตัว และล้างมืออย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งให้ผู้ประกอบการและประชาชนใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ ให้ได้ 90%” นพ.แพทย์ธเรศ กล่าว