วันที่ 3 ก.พ. 2566 ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางมาพบปะประชาชน ผู้ประกอบธุรกิจจังหวัดสมุทรสงคราม ระหว่างลงพื้นที่ เพื่อหารือถึงแนวทางส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างมูลค่าและการยกระดับรายได้ของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ในช่วงแรก มงคล สุขเจริญคณา นายกสมาคมประมงสมุทรสงคราม ได้กล่าวถึงปัญหาการประมงในพื้นที่โดยช่วงหนึ่งระบุว่า ขอให้นายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กำกับดูแลอยู่ในขณะนี้เนื่องจากมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้นมีความเข้าใจในการแก้ไขปัญหา และน่าจะเกิดความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น
ขณะที่การของบการเกษตร กลุ่มต่างๆเสนอขอรัฐบาลอนุมัติงบให้จังหวัดจัดงานให้มากขึ้น โดยยังระบุอีก หากได้ส่วนนี้แล้วผมจะผลักดันนายกเป็นนายกอีก 2 ปี
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นกล่าวว่า สิ่งแรกที่ตนอยากพูดคือสมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพอยู่หลายอย่างพร้อมเปรียบเป็นเวนิสตะวันออก ซึ่งพอจะรู้ว่าจังหวัดมีศักยภาพอย่างไร แต่การมาของตนในนามของนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องมารับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ส่วนการทำงานจะมากจาก 3 ช่องทาง คือ หน่วยราชการที่เสนอขึ้นมาตามลำดับชั้น กำหนดนโยบายลงไปโดยรัฐบาล มอบหมายให้กระทรวงเป็นผู้รับผิดชอบ และรับฟังจากบรรดา ส.ส.
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การทำงานหลายอย่างที่ตนทำบางครั้งก็เหมือนจะดีขึ้น บางครั้งก็ถอยหลังเอาไปอีก ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาสักครู่ตนจะให้ติดตามเลขานุการก็รับไปด้วยว่ามีอะไรติดตรงไหน เพราะผมจำได้ว่าทุกครั้งที่ผมคุยกับท่าน ได้จัดการให้ดำเนินการและคิดว่าได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อขับเคลื่อนมีการตั้งคณะอนุกรรมการ โดยนายกรัฐมนตรีไปกำกับดูแลมีกว่า 50 คณะ ที่นายกฯต้องเป็นประธาน มอบหมายให้รองนายกฯไปรับผิดชอบ และส่งรายงานขึ้นมาเพื่อให้ตนทราบและตัดสินใจในการแก้ไขปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้มารับฟังปัญหาเพิ่ม ซึ่งคงเป็นปัญหาเดิมๆก็จะรับไปดำเนินการพิจารณาเร็วที่สุด ซึ่งก็เข้าใจ แต่ไม่ชอบอยู่อย่างหนึ่งอย่างเดียวที่พูดว่า ถ้าทำให้ได้นั้นจะยินดีให้ผมเป็นนายกฯอีก 2 ปี ไม่จำเป็นหรอกครับ ไม่จำเป็น ผมต้องการทำให้ประชาชนทุกคนทุกกลุ่มทุกอาชีพทุกจังหวัดทุกพื้นที่ เป็นนายกฯที่คิดถึงคนทั้งประเทศ ผมบอกได้แค่นี้ก็แล้วกัน หลายอย่างเราก็แก้ไขไปแล้ว เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผมรับกับท่าน คือจะนำเรื่องทั้งหมดไปดูแล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องความชอบธรรม การบังคับใช้กฎหมายทางรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ เพื่อให้ทุกคนได้มีความสบายใจและเข้าใจซึ่งกันและกันว่าอย่างนั้นก็จะมีผลกระทบอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม แต่ทุกคนจะต้องไม่เป็นศัตรูกัน ตนไม่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นศัตรูขัดแย้งหมองใจอะไรกันทั้งสิ้น ผมเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ และของจังหวัดสมุทรสงคราม ทุกเขตทุกอำเภอ ผมไม่ปัดความรับผิดชอบและจะทำให้ดีที่สุดตราบใดที่ผมยังมีหน้าที่อยู่ตรงนี้ สิ่งที่เรามีศักยภาพ ก็จะทำในเรื่องที่ทำอยู่ดีต่อไป รัฐบาลพร้อมที่จะดูแลต่อ รัฐบาลถ้าทำเพื่อคนทั้งประเทศก็จะเจอปัญหาอย่างผม จะต้องดูแลงบประมาณให้ทั่วถึง เพราะนี่คือประเทศไทย ผมไม่สามารถจะให้ใครมากที่สุด รักที่สุดไม่ใช่ เหมือนท่านรักลูกของท่าน รักลูกไม่เท่ากันได้หรือไม่ แต่ผมจะดูว่าอะไรเร่งด่วน เดือดร้อนอะไร ให้ได้ ผมก็จะให้ งบประมาณต้องเข้าใจในระบบว่ามีปัญหา มีจำกัด ผมพยายามจะทำให้เต็มที่ ให้สนองความต้องการของท่าน ทำให้ภาพรวมไม่เสียหาย วันนี้ก็ให้ไปสมควรเรื่องรถไฟที่จะเชื่อมต่อว่าจะต้องใช้ระยะเวลาการตอบสร้างพอสมควร
โดย นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า งบประมาณปี 2567 จะถูกเข้าพิจารณาในที่ประชุมสภา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผู้แทนผู้แทนที่ท่านเลือกเข้าไป ยืนยันว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อพี่น้องชาวจังหวัดสมุทรสงคราม และพื้นที่อื่น เราต้องอยู่ด้วยความเชื่อมั่นไว้วางใจซึ่งกันและกัน ผมมายืนตรงนี้ด้วยจิตใจบริสุทธิ์ที่จะทำให้ทุกคนมีความสุข เหมือนในครอบครัวท่านพ่อก็ต้องรักลูกทุกคน พ่อทำให้ทุกคนมีการเจริญเติบโตที่ดีที่สุด เพราะมีหน้าที่ตรงนี้ ผมไม่ได้บังอาจเป็นพ่อท่าน แต่จะต้องดูแลพวกเราทุกคนทุกคน ทุกฝ่ายที่เจริญเติบโตให้ได้มากที่สุด
ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงของประชาธิปไตยอะไรของท่าน ก็คิดเอาแล้วกันดูเอาแล้วกัน ว่าสิ่งที่พูดมาทำได้มากน้อยแค่ไหน ผมไม่เคยพูดสิ่งที่ทำไม่ได้ ผมไม่ได้หาเสียงกับท่าน ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเมื่อใดก็ตาม เพราะมันจะทำให้ระบบงบประมาณมันเสียหาย ผมขอถามว่ามันจะได้หรือไม่ ขอให้ลองดูก็แล้วกันว่าการจะเป็นประชาธิปไตยอะไรก็แล้วแต่ของท่าน วันนี้ผมอาจพูดแรงไปนิด แต่ก็หนักใจในเรื่องเหล่านี้ ว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีความสุขมีความพึงพอใจ เรามีลูกเหมือนกัน เรามีลูกทั้งหมด 60 กว่าล้านคน จะทำให้ทุกคนพอใจทั้งหมดทีเดียวไม่ได้ ผมเห็นแววตาเห็นสายตาของคนไทย ทุกคนน่ารัก ทุกคนเห็นรอยยิ้มมีความสุขก็โอเคเมื่อเขามีความทุกข์เขาก็ต้องเสียใจเขาอยากได้สิ่งที่ดีกว่าเดิมแต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานทุกกระทรวงทุกระดับจะต้องทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และคำสั่งการของนายกรัฐมนตรี ผมจะได้ติดตามใกล้ใกล้ชิด ตนจะไล่ติดตามเกี่ยวกับดูแลให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น เพราะงานเยอะมาก ผมก็ไม่เข้าใจในเมื่อเรามีกฎหมายเรามีวิธีการ เมื่อมีปกปิดซ่อนเร้นเราก็ต้องไปหาว่าอะไรมันถูก มันดีตรงไหนอย่างไร ฝากบรรดาทส.ส.ไว้ด้วยทั้งหมด มีปัญหาทุกจังหวัดท้ายที่สุดก็กลับมาว่าทำไมเจ้าหน้าที่เราทำอย่างนู้นอย่างนี้บางครั้ง ผมตรวจสอบไปก็จริงอย่างที่เขาว่าอยู่เหมือนกัน ทำให้เกินความขัดแย้งระหว่างข้าราชการกับประชาชน ขอบคุณ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ตนมาในนามนายกรัฐมนตรี คนเราจะรักกันอย่างไรมันก็รัก เหมือนที่ผมรักประชาชนไม่ว่าท่านจะเป็นอย่างไรผมก็รักทุกคน ผมปฏิเสธไม่ได้ เพราะผมเป็นคนรักครอบครัวท่านเปรียบเสมือนบุคคลภายในครอบครัวของประเทศไทย ที่เราทุกคนต้องดูแล เพราะฉะนั้นก็มีทั้งลูกเล็กลูกโต ก็ต้องดูแลลูกทุกวันให้มีความสุข
ผมเป็นคนพูดความจริงพูดอะไรไม่ถูกใจก็ขอโทษด้วยกัน ผมเป็นคนแบบนั้น ของเดิมก็ลงด้วยพรมยืนยันว่าผมจะทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน ผมอยากให้บ้านเมืองเราสงบสุข
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ตนไม่ได้เครียด ไม่ได้โกรธใคร แต่เสียงเป็นอย่างนี้เอง บางเวลาก็ยิ้มหัวเราะได้ พอเวลาเป็นงานเป็นการก็เป็นอย่างนี้ คิดตลอดเวลา ต้องยอมรับว่าอะไรได้ไม่ได้มีใครถามอะไรหรือไม่
"เมื่อเช้าตนนั่งรถไฟมาตอนสนุกดี เคยเห็นในรูปนานแล้วตลาดร่มหุบร่มบาน ปรากฏว่าคนมาเต็มเลย ขึ้นบนรถมีแต่ชาวต่างชาติ ก็ดีใจเขามาเห็นตลาดร่มหุบ และเขาเจอนายกฯไทย เมื่อเช้าผมก็งงๆ เขาก็ต้อนรับผมดีนะ ไม่รู้จักกัน แต่เขารู้ว่านี่คือนายกแน่นอน ผมก็ตอบรับคนในนามประเทศไทยและชาวสมุทรสงครามที่ยินดีที่เขามาเที่ยวทำให้เศรษฐกิจฐานรากดีขึ้น ผมไปไหนไม่เห็นคนรังเกียจประเทศไทยกลับไปชมด้วยซ้ำว่าทำได้หลายอย่างไร เรื่องที่เราทำแบบนี้ เศรษฐกิจก็เริ่มดีขึ้น"
ทั้งนี้ในช่วงท้าย ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี พูดยังไม่จบปรากฏว่าไฟดับ จึงทำให้นายกรัฐมนตรี ต้องหยุดพูดในทันที และเดินลงมาพบกับประชาชน และพูดปากเปล่าประมาณ 2 นาที และเมื่อไฟมาก็ได้หยิบไมค์มาพูด โดยระบุว่า นายกฯยิ้มไม่ค่อยออก แต่พยายามยิ้มอยู่ ก่อนที่จะหันไปพูดแซวกับประชาชนว่า ถ่ายรูปเลยไม่ต้องขอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชายคนหนึ่งอายุ 58 ปี มาขอถ่ายรูปด้วย นายกรัฐมนตรีถึงกับตบบ่าและร้องว่าอายุ 58 ปีหรือนี่ นี่คนอายุ 68 ปี
ขณะที่ประชาชนรายหนึ่งขอหวยนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวว่า เลขถามหวยอีกแล้ว เดี๋ยวเถอะ ก็ไปซื้อเอาเลข 1 ถึงเลข 10 นอกจากนี้ยังแซวผู้หญิงที่ขอถ่ายรูปว่าเดี๋ยวแฟนเธอว่า และกล่าวกับประชาชนในช่วงหนึ่งว่า นายกฯ พูดไม่เพราะ ขอโทษด้วยแล้วกัน แต่นายกฯมีหัวใจให้กับทุกคน ขอให้รับไว้ ประชาชนจึงหยิบไมค์ของนายกรัฐมนตรีมาพูดว่า พูดไม่เพราะแต่ จริงใจใช้ได้
โดย นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า นายกฯไม่มีอะไรกับใครทั้งสิ้นและจะพยายามทำให้ดีที่สุด เมื่อเช้าตนได้ไปไหว้พระ ตนไม่ได้ขออะไร ให้ตัวเองมากมาย ขอให้ตัวเองปลอดภัยทำงานให้สำเร็จ พร้อมขอประชาชนอย่าทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน พูดกันดีๆมันทำได้ ก็ยอมรับกติกากันเอง ก่อนที่จะพบกับ FC และถามกลับว่า FC แปลว่าอะไร พร้อมระบุว่าหากเราร่วมมือกันทำด้วยกัน เราก็ไปได้ ทำสัญญากับชาวสมุทรสงครามเราต้องเดินหน้าไปด้วยกัน เดินเคียงข้างไปด้วยกันใช้เวลาที่เหลืออยู่ด้วยกันทำให้มันดี ขอบคุณ และฝากหัวใจนายกฯไว้ให้ช่วสมุทรสงครามดูแล
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเคี่ยวน้ำตาลทำท๊อฟฟี่กรอบ และทดลองทอดขนมวง โดยระบุ นี่คือหัวใจของนายกฯ ฝากไว้ให้กับชาวสมุทรสงคราม แต่ฝากไว้ร้อนไปหน่อยนะอยู่ในกระทะ