ที่พรรคก้าวไกล พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเรียกร้องให้มีการปฏิรูปกองทัพ สืบเนื่องจากกรณีมีการร้องเรียนและเปิดเผยถึงการทุจริตในการกู้เงินของกำลังพลเพื่อการสร้างที่พักอาศัยจากกรมสวัสดิการทหารบก
โดย พิจารณ์ ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เราไม่เห็นท่าทีหรือการให้ความเห็นใดๆ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งถือว่าน่าผิดหวังและเป็นที่เคลือบแคลงเป็นอย่างยิ่ง มองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นยุทธศาสตร์ทางการเมืองของ ประยุทธ์ เพื่อรับมือไม่ให้เกิดแรงกดดันกลับไปที่กระทรวงกลาโหม หรือกองทัพบก เห็นได้จากท่าที ประยุทธ์ ที่นิ่งเฉย ไม่มีความเห็น ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ประหนึ่งว่าจะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กและเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
นอกจากนี้ พลเอกณรงค์พันธ์ จิตแก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาให้สัมภาษณ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างบุคคล คือผู้ประกอบการสร้างที่พักอาศัยและกำลังพล ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพบก สะท้อนให้เห็นถึงการพูดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเชิงระบบหรือเชิงโครงสร้าง และไม่น่าจะต้องรื้อ-แก้ไข
มากไปกว่านั้น การให้สัมภาษณ์ของ พล.ท.นิรันดร ศรีคชา โฆษกกองทัพบก ในหลายประเด็นว่าไม่มีปัญหาแต่อย่างใดและได้รับการแก้ไขแล้ว โดยเฉพาะที่ว่าเรื่องการกู้เงินที่พักอาศัยไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับกรณีกราดยิงที่เคยเกิดขึ้นที่โคราช สาเหตุที่ออกมาปฏิเสธเช่นนี้ เพราะกองทัพรู้ดีว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ หากสังคมมองว่าเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่โคราช จะสร้างแรงกดดันกดดันมหาศาลให้กองทัพและทำให้ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพ พรรคก้าวไกล ได้รับการยอมรับมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ตนได้ตั้งข้อสังเกต 3 ประเด็นต่อกรณีดังกล่าว คือ 1. เรื่องนี้ไม่สามารถบอกว่าเป็นปัญหาส่วนตัวระหว่างผู้ประกอบการและกำลังพล เพราะจากเอกสารหลักฐานที่มี สะท้อนให้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ 2554-2564 มีจำนวนรายการของการอนุมัติเงินซื้อบ้านและที่ดินรวม 620 รายการ คิดเป็นวงเงิน 821 ล้านบาท มีการหักหัวคิวหรือเปอร์เซ็นต์ออกไป 61.5 ล้านบาท หรือราว 7-8% กำลังพลผู้กู้เงินที่ได้รับผลกระทบมีตั้งแต่ยศสิบตรีจนถึงพันโท รวมกันแล้วมากกว่า 400 นาย
ส่วนกำลังพลที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีทั้งสิ้น 35 นาย คือ ระดับพลตรี 6 นาย พันเอก 14 นาย พันโท 2 นาย พันตรี 2 นาย ร้อยเอก 2 นาย ร้อยโท 2 นาย ร้อยตรี 1 นาย จ่าสิบเอก 3 นาย และข้าราชการพลเรือนกลาโหม 1 คน
2.ต้องเร่งให้ความเป็นธรรมแก่ทหารชั้นผู้น้อยจำนวนมาก ซึ่งกำลัฃพลที่ได้รับผลกระทบนั้นอยู่ในระดับนายสิบ มากกว่า 300 นาย จึงอยากใช้โอกาสนี้สื่อสารไปยัง ประยุทธ์ ถึงเวลาแล้วที่ต้องหยุดทำให้เป็นเรื่องการเมือง อย่าพยายามทำให้เรื่องนี้มีแรงกดดันไปยังกระทรวงกลาโหมและรัฐบาลให้น้อยที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองในยามที่การเลือกตั้งใกล้เข้ามา ทั้งที่ต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง แต่เรากลับไม่ได้ยินว่าจะมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด มีเพียงแต่การปัดความรับผิดชอบจากคำให้สัมภาษณ์ต่างๆที่ออกมา
3.ระบบร้องทุกข์ของกองทัพต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน มีหลักฐานชัดเจนว่าหนึ่งในผู้ประกอบการถูกข่มขู่คุกคามจากชายฉกรรจ์รายหนึ่ง แต่ไม่เห็นมีการสั่งการใดๆจาก ประยุทธ์ ให้สืบค้นว่าบุคคลในคลิปวิดีโอที่ไปคุกคามผู้ประกอบการเป็นใคร ยังไม่เห็นมีการสั่งการให้สอบสวนว่าเหตุใดคำร้องทุกข์ของผู้ประกอบการถึงผบทบ. ถึงถูกทำสำเนาส่งมาให้ผู้ถูกร้องและนำไปสู่การคุกคามที่เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ หากไม่มีการจัดการอย่างเป็นกระบวนการ ก็จะกลายเป็นกรณีศึกษาให้ทหารชั้นผู้น้อยไม่กล้าร้องทุกข์ หรือร้องเรียนผู้บังคับบัญชาของตนเอง และไม่กล้าที่จะบอกว่ามีการทุจริตในหน่วยงานตัวเอง เพราะเกรงกลัวว่าจะเป็นภัยต่อชีวิตและครอบครัว
ดังนั้น กรณีดังกล่าวกำลังจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโดยเร่งด่วน ของคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร เพราะในระยะสั้น ต้องเร่งคืนความเป็นธรรมให้ทหารชั้นผู้น้อย ในระยะกลาง เชื่อว่ากรณีกู้เงินซื้อที่พักอาศัยของกำลังพลไม่ได้เกิดขึ้นแบบจำกัดเฉพาะพื้นที่ แต่ต้องมีการสืบสวนและขยายผลต่อไป ส่วนในระยะยาว ข้อเสนอปฏิรูปกองทัพของพรรคก้าวไกล จะเป็นการสร้างความมั่นใจว่าเราจะมีกองทัพที่ทันสมัย สร้างความเป็นธรรมให้กับกำลังพลในทุกระดับได้ หนึ่งในนโยบายหลักคือการเพิ่มสวัสดิการให้กับทหารชั้นผู้น้อย ที่ต้องปลอดภัย มั่นคง และมีอนาคต เพื่อทำให้กองทัพเป็นกองทัพของประชาชน ทำให้ทหารเป็นทหารของประชาชน