นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งย้ายพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมวม.กลาโหมเป็นคนลงนามสั่งการ และคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 28/2563 ลงวันที่ 23 มกราคม ให้ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ว่า ในส่วนของ พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ นั้นเป็นการทำงานภายในของตำรวจ ซึ่งใช้อำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเองได้ โดยกรณีดังกล่าวไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่โยกย้ายตามความเหมาะสม
ส่วนพล.ต.อ.วิระชัย เป็นการให้ย้ายมาช่วยงานที่ทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว ซึ่งปกติจะมีระยะเวลาไม่นาน โดยอาศัยกฎหมายประมวลอาญาราชการแผ่นดิน จึงต้องเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการสั่งการและไม่ต้องนำเข้า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เผื่อโปรดเกล้าฯ พร้อมย้ำว่าการสั่งย้ายให้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.วิระชัยไม่ได้หลุดจากตำแหน่ง และยังคงได้รับเงินเดือนเดิม เพียงเป็นการโยกย้ายมาปฎิบัติหน้านอก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ได้สอบสวนข้อเท็จจริง
ขณะที่กรณีคำสั่งเตือนของพล.ต.ท. สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น เนื่องจากมีข้อร้องเรียน แต่อำนาจการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีไม่ใช่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเพราะ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์หลุดจากตำแหน่งเดิมแล้ว พร้อมระบุว่าขณะนี้ยังไม่มี ความชัดเจนของคำร้อง จึงยังไม่สามารถทำการสอบสวนได้ และต้องใช้วิธีการออกคำสั่งเตือนหรือปรามไว้ก่อน ซึ่งทุกคน ก็ได้รับทราบแล้ว เพียงแต่ต้องระมัดระวังว่าไม่ให้มีการกระทำผิดอีก เท่านั้น
นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวถึง กรณีที่อัยการไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรีกับพวก รวม 4 คน ในคดีฆ่าบิลลี่ แต่ส่งฟ้องข้อหาเดียวคือ ม.157 ปมไม่ส่งตัว บิลลี่ ให้ตำรวจดำเนินคดีลักของป่า ว่า คดีนี้ถือเป็นที่สิ้นสุดและสามารถส่งฟ้องใหม่ได้หากพบพยานหลักฐานและข้อหาใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง