ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกกำลังต้องเผชิญหน้ากับการปรับตัวอย่างหนัก ทั้งจากการแทรกแซงจากเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมทั้งโอกาสและความเสี่ยงใหม่ๆ ในธุรกิจการเงินการธนาคาร

สำหรับประเทศไทย การจรดปากกาเซ็นสัญญาร่วมกันระหว่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ และกลุ่มเอฟดับบลิวดี (FWD Group) บริษัทประกันภัยที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ฮ่องกง และจะมีผลให้ FWD เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCB Life ด้วยมูลค่าการซื้อขายกิจการทั้งสิ้น 9.27 หมื่นล้านบาท และคาดว่า การดำเนินการถ่ายโอนธุรกิจจะเสร็จสิ้นภายในปี 2562

นับว่า การถ่ายโอนกิจการประกันชีวิตจากธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน SCB Life ให้แก่ FWD ในครั้งนี้เป็นดีลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในรอบปี 2562 ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว ธนาคารไทยพาณิชย์และ SCB Life จะทำหน้าที่เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคาร เป็นเวลา 15 ปี

• อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์

ตามสัญญา 'ไทยพาณิชย์' ยังทำหน้าที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตไปอีก 15 ปี

แม้จะมีการเซ็นสัญญาให้ธนาคารไทยพาณิชย์ดำเนินการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของเอฟดับบลิวดีแล้ว แต่การดำเนินการยังไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากยังต้องรอการอนุมัติจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ก่อน

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ชี้แจงว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้รับการอนุญาตจาก คปภ. เมื่อใด แต่ก็หวังว่าจะสามารถดำเนินการต่อได้ภายในปีนี้

พร้อมให้ความมั่นใจว่า ลูกค้าประกันชีวิตของ SCB Life นับล้านรายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ต้องเผชิญความกังวลใดๆ เพราะจะได้รับการดูแลอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้ารายเก่าของธนาคารจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

"สัญญาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทีมบริหาร และ การดำเนินงานยังคงเป็นทีมเดิมอยู่" นายอาทิตย์ กล่าว

สำหรับลูกค้ารายใหม่ ทางธนาคารจะชี้แจงให้ทราบถึงผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของไทยพาณิชย์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากเอฟดับบลัวดีและไทยพาณิชย์เป็นผู้จัดจำหน่าย

SCB ยอมรับเป็นแบงก์ไม่ถนัดธุรกิจประกัน ฟาก FWD เห็นศักยภาพตลาดอาเซียน

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความร่วมมือครั้งนี้มาจากการประเมินว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ มีความเชี่ยวชาญไม่เพียงพอที่จะทำผลิตภัณฑ์ประกันภัยได้ดีเทียบเท่าบริษัทประกันภัย ขณะที่ FWD มองว่า ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการต่อยอด

นายอาทิตย์ ชี้แจงด้วยว่า ไทยพาณิชย์ ไม่ได้ถอนตัวออกมาจากธุรกิจประกันภัย แต่เป็นการเปิดทางให้ผู้ที่สามารถผลิตสินค้าเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SCB Life ขณะที่ธนาคารไทยพาณิชย์ก็สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีขึ้นในฐานะผู้จำหน่ายสินค้า

พร้อมย้ำว่า การออกจากการเป็นผู้ผลิต ไม่ได้ทำให้รายได้ของบริษัทลดลง แต่อย่างใด เนื่องจากสัญญาฉบับใหม่มีการพูดถึงค่าคอมมิชชัน ซึ่งธนาคารประเมินแล้วว่าจะเป็นหนทางการทำกำไรได้มากกว่าการเป็นผู้ผลิตเอง

"ฐานคอมมิชชันธนาคารจะใหญ่ขึ้น กำไรต่อปีไม่หายไป แต่จะเพิ่มขึ้น" นายอาทิตย์ กล่าว

• ฮวิน ทัน ฟง ซีอีโอ กลุ่มเอฟดับบลิวดี แถลงความร่วมกับ อาทิตย์ นันทวิทยา ซีอีโอ ไทยพาณิชย์

นายฮวิน ทัน ฟง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเอฟดับบลิวดี กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นธนาคารชั้นนำในประเทศไทยที่มีประสบการณ์และความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เรามุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย 

เรามั่นใจในความสามารถด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์รวมถึงการเข้าใจความต้องการของลูกค้าในไทยอย่างแท้จริง ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ กลุ่มเอฟดับบลิวดีและธนาคารไทยพาณิชย์จะนำศักยภาพชั้นนำด้านประกันชีวิตและด้านดิจิทัลมาสร้างผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของลูกค้า

"เรามีประสบการณ์ด้านการเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตในภูมิภาค รวมถึงการสร้างพันธมิตรเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคารที่มีประสิทธิผล ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าของธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับประสบการณ์ที่ดีจากผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตชั้นนำของเอฟดับบลิวดี โดยเรามุ่งมั่นที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของลูกค้า"

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้มาก ดังนั้น บริษัทจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้ขณะนี้ คปภ. ยังไม่ได้อนุญาตอย่างเป็นทางการ แต่ก็ต้องจับตามองว่าทิศทางต่อไปของธนาคารไทยพาณิชย์จะเป็นอย่างไร ในฐานะแบงก์ที่เป็น 'ตัวแทนขายประกัน' ให้บริษัทต่างชาติ และที่สำคัญที่สุด คือผู้บริโภคที่เป็นคนไทยจะได้รับการดูแลมากน้อย แค่ไหนทั้งรายเก่าและรายใหม่