ไม่พบผลการค้นหา
‘นฤมล’ นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. แลกเปลี่ยนความเห็นนโยบาย ‘บ้านประชารัฐ 360°’ หวังยกระดับที่อยู่อาศัยชาว กทม. เน้นย้ำในเรื่องของกรรมสิทธิ์ที่ดิน และสภาพแวดล้อม สอดคล้องนโยบายภาพใหญ่ ‘มีเรา มีที่ทำกิน’ เผย ‘ประวิตร’ เตรียมร่วมเวทีปราศรัยใหญ่เขต กทม. 18 มี.ค. นี้  ตั้งเป้า กทม. ไม่ต่ำกว่า 12 ยัน ไม่ทราบ ‘สามมิตร’ อยู่หรือไป โยนถาม ‘สุริยะ -สมศักดิ์’ เอง

วันที่ 9 มี.ค. 2566 พรรคพลังประชารัฐจัดงานเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และตัวแทนชุมชนเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนนโยบายของพรรคภายใต้หัวข้อ "นำไปสู่สิ่งที่พบเห็น เมื่อลงพื้นที่" 

โดย นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ร่วมด้วยว่าที่ผู้สมัคร กทม.ตัวแทนชุมชน และนักวิชาการ อาทิ ชญาภา ปรีดาพากย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กมม. เขตบางคอแหลม ยานนาวา ภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตคลองเตย วัฒนา ระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ และตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตพระโขนง บางนา 

โดย นฤมล กล่าวว่า ที่มาของการเสวนาเกิดจากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ลงพื้นที่มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร และทุกท่านศึกษาข้อมูลในพื้นที่มาอย่างดี และได้รับทราบปัญหาของประชาชน และจะพัฒนาให้เกิดขึ้นจึงได้เอาข้อปัญหาต่างๆ เข้ามาคุยกัน และได้รับข้อเสนอมาพิจารณา และอยากให้มีเวทีนี้เกิดขึ้น ไม่ใช่การรับฟังจากว่าที่ผู้สมัครแต่อย่างเดียว แต่เป็นการรับฟังจากผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในหลายหลายพื้นที่ และวันนี้หัวข้อแรกที่คุยกันคือนโยบาย ‘บ้านประชารัฐ 360°’ โดยมีความเห็นว่า บ้านประชารัฐคือปัจจัยสี่ที่จะสร้างความมั่นคงให้กับพี่น้องชาว กทม. 

นฤมล กล่าวอีกว่า เราคงจะทราบกันดีว่า ในกทม. มีปัญหาเรื่องของที่อยู่อาศัยอยู่พอสมควร ซึ่งตรงนี้สอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐคือ ‘มีเรา มีที่ทำกิน ไม่มียากจน’ ดังนั้นก็จะต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้คน กทม. มีบ้าน และทำให้สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยถูกสุขภาพวะดีพอ และต่อยอดเรื่องอื่นๆ และไปถึงการพัฒนาสังคมที่น่าอยู่มากขึ้น โดยเราสามารถทำได้จริงในแง่ของการเงิน และกฎหมาย

ด้าน ชญาภา กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้ลงพื้นที่กันอย่างหนัก สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ ปัญหาของที่อยู่อาศัยหลายๆ พื้นที่ในเขต กทม. ยังมีปัญหาความเป็นอยู่ที่ซุดโทรมชุมชนแออัด และสัญญาของที่อยู่นั้นไม่มั่นคง วันนี้ประชุมกันได้ข้อตกลงคือ ทุกคนต้องมีกรรมสิทธิ์ในบ้านของตัวเองเพื่อส่งต่อให้กับครอบครัว 

ภูวกร กล่าวว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่พูดคุยปัญหากับชาวบ้าน ทางเราอยากจะผลักดันบ้านประชารัฐของเราโดยนำมาต่อยอด และพัฒนาต่อไปโดยจะมีการออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมตามบริบทของชุมชน ภายใต้ Universal Design ซึ่งต้องออกแบบโดยคำนึงให้ทุกคนในสังคมใช้ชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน และเราจะมีการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ชุมชนให้เป็นภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น เพิ่มแลนด์มาร์คแห่งใหม่ให้กับชุมชน และเพิ่มช่องทางการค้าขายอย่างอื่นให้กับชุมชนนั้นๆ  

ขณะที่ ระพีพัฒน์ กล่าวว่า เราจะคำนึงถึงชีวิตคนเมือง ซึ่งวันนี้เรามองว่า เราจะต้องสร้างพื้นที่สีเขียว โดยการจัดสรรที่ดินใหม่เพราะในกรุงเทพฯ เรามีที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของ กทม. และที่ดินของราชพัสดุ โดยจะทำตรงนี้เป็นโมเดลใหม่ และผลักดันให้เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐ และเอกชน ให้เอกชนมาลงทุนด้วยการสร้างบ้านเพื่อตอบโจทย์ประชาชนที่มีรายได้น้อย 

ตรีสิทธิ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเคยทำงานในสภา กทม. จึงมองเป็นสองเรื่องใหญ่ คือเรื่องที่หนึ่ง คือ กลุ่มคนที่มีที่อยู่อาศัยอยู่แล้วแต่สภาพแวดล้อมนั้นเป็นแหล่งเสื่อมโทรม ตรงนี้พรรคได้มีนโบายที่คิดร่วมกันว่า เราจะผลักดันสวนสาธารณะใกล้บ้าน และจะมีพื้นที่นันทนาการ รวมถึงการแก้ไขปัญหาระบบสาธารณูปโภค 

ภูวกร กล่าวเสริมวรา หลังจากนี้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 33 เขต จะเอาโมเดลเหล่านี้ลงไปทำจริงโดยจะเริ่มโมเดลต้นแบบที่ชุมชนลีลานุช ย่านเอกมัย 19 ซึ่งเป็นชุมชนที่อยู่ริมคลองเหมาะกับการพัฒนาอย่างยิ่ง หลังจากนี้เราจะมีการติดตาม มีการไปทำวิจัยความเป็นอยู่ และความต้องการของประชาชนว่า ต้องการอย่างไรบ้าง เราไม่ได้ออกแบบบ้านเป็นหลังที่เหมือนกัน แต่เราจะมีการออกแบบให้แตกต่างสอดคล้องไปกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้าน เช่น ผู้สูงอายุ หรือเด็ก 

นฤมล กล่างอีกว่า ในสัปดาห์หน้าจะเป็นการหารือในมิติทางสังคม ตามสโลแกนของพรรคคือ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งก่อนหน้านี้มีคำถามตีกลับมาว่า ความขัดแย้งในเรื่องไหนบ้างที่จะก้าวข้าม เพื่อที่จะตกผลึกกันว่า จะนำพา กทม. และประเทศไทยไปข้างหน้าได้อย่างไร และควรจะก้าวข้ามความขัดแย้งด้านไหนบ้าง

พร้อมเผยอีกว่า ในวันที่ 18 มี.ค. นี้ จะเปิดปราศรัยใหญ่ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 33 เขต ที่บริเวณลานคนเมือง และจะมีการพูดถึงนโยบายภาพใหญ่ และการพัฒนาในพื้นที่ที่มีควาแมตก่างกันให้เป็นเรื่องเฉพาะเขต โดยยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐจะไปร่วมด้วย 


ตั้งเป้ากวาด ส.ส.กทม. ไม่ต่ำกว่า 12 คน

นฤมล ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดปราศรัยใหญ่ใน กทม. ของพรรคในวันที่ 18 มี.ค. นี้ว่า ในวันดังกล่าวนอกจากจะเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต แล้ว พรรคจะนำเสนอนโยบายสำหรับคน กทม. เน้นเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง โดยจะมีทีมเศรษฐกิจของพรรค นำโดย อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนอกจากเวทีใหญ่ กทม.ในวันดังกล่าวแล้ว ต่อจากนั้นพรรคจะจัดเวทีย่อยใน กทม. ทั้งใน กทม.ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เพื่อที่จะนำเสนอนโยบายของพื้นที่ในเขตนั้นๆ สำหรับความคืบหน้าการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคนั้น ขณะนี้ได้ตัวครบเกือบหมดแล้ว มีเพียงบางพื้นที่ที่ทาง กกต.แบ่งเขตใหม่ คือลด 4 จังหวัดและเพิ่ม 4 จังหวัด รวมถึงใน กทม.

S__55877696.jpg

เมื่อถามว่า พรรคตั้งเป้าจะได้ ส.ส.กทม.เท่าไหร่ หลังจากรอบที่แล้วได้ ส.ส.มา 12 คน นฤมล กล่าวว่า จะพยายามทำให้ได้มากกว่าเดิม เพราะเชื่อมั่นผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคมีของดีอยู่ในตัว เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ตั้งเป้าอยากได้ ส.ส.กทม.มากกว่าเดิม นฤมล กล่าวว่า อยากได้ที่นั่ง ส.ส.กทม. 12 คนขึ้นไป 


โยนถาม ‘สุริยะ-สมศักดิ์’ อยู่หรือไป

เมื่อถามถึงกระแสข่าวของ “กลุ่มสามมิตร” คือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและรองหัวหน้าพรรค พปชร. และสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและประธานยุทธศาสตร์พรรคที่จะย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย นฤมล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เรื่องนี้ต้องไปถาม สุริยะและสมศักดิ์ เอง