รัสเซียอ้างว่า ตนได้ทำการยิงขีปนาวุธเพื่อเล็งเป้าทำลายสถานที่เก็บรถถังและรถหุ้มเกราะอื่นๆ ของยูเครน ซึ่งได้รับมาจากชาติยุโรปตะวันออก อย่างไรก็ดี จากรายงานระบุว่าขีปนาวุธที่ทางรัสเซียได้ทำการยิงเข้ามาในกรุงเคียฟ กลับไปตกใส่โรงซ่อมรถไฟ ซึ่งไม่ได้มีรถถังจอดอยู่แต่อย่างใด
การยิงขีปนาวุธเข้าโจมตีกรุงเคียฟของยูเครนโดยรัสเซียครั้งก่อน เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ในช่วงรอบเดือนที่ผ่านมานี้ ประชาชนชาวยูเครนในกรุงเคียฟเริ่มกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติเช่นเคย ก่อนที่จะมีการยิงขีปนาวุธโดยรัสเซียในครั้งนี้เกิดขึ้น
การต่อสู้อันดุเดือดยังคงเกิดขึ้นในพื้นที่ตะวันออกของยูเครน โดยเฉพาะในเมืองเซเวโรโดเนตสก์ ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคลูฮานสก์ของยูเครน ทั้งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของลูฮานสก์ถูกกองทัพรัสเซียเข้าควบคุมได้เกือบทั้งหมดแล้ว ในขณะที่กองทัพของยูเครนยังคงพยายามต่อต้านการรุกรานในเซเวโรเนตสก์ของรัสเซียเช่นเคย เพื่อผลักดันให้กองทัพรัสเซียถอยร่นออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว
ในอีกทางหนึ่ง ประธานาธิบดีรัสเซียได้ออกมาระบุว่า การที่โลกตะวันตกได้มอบขีปนาวุธพิสัยไกลมาเพื่อช่วยเหลือยูเครนล่าสุด จะไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ใดๆ ในสนามรบได้ ทั้งนี้ จากรายการโทรทัศน์ของรัสเซีย ปูตินได้ให้สัมภาษณ์ว่า ระบบยิงขีปนาวุธหลายหัวของยูเครนในตอนนี้ มีลักษณะที่คล้ายคลึงกันกับสิ่งที่รัสเซียมีอยู่ “มันไม่ได้มีอะไรใหม่ในตอนนี้ และมันไม่ได้เปลี่ยนใจความสำคัญ (ของสงคราม) อะไรไปเลย” ปูตินกล่าว
สหรัฐฯ ได้สัญญาว่าตนจะมอบไฮมาร์ส ระบบยิงขีนาวุธหลายหัวเคลื่อนที่ได้ที่มีความแม่นยำสูงให้กับทางยูเครน ซึ่งสามารถยิงเป้าหมายได้ไกลถึง 80 กิโลเมตร ในขณะที่สหราชอาณาจักรวางแผนที่จะมอบระบบยิงขีปนาวุธ M270 ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กองยิงขีปนาวุธของยูเครน เพื่อรับมือกับการรุกรานของรัสเซียได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี ปูตินได้เตือนโลกตะวันตกในการส่งขีปนาวุธพิสัยไกลมาให้ยูเครนอีกว่า “หากมีการจัดส่งอาวุธ เราจะหาข้อสรุปที่เหมาะสมและใช้อาวุธของเรา ซึ่งเรามีเพียงพอแล้ว เพื่อโจมตีเป้าหมายที่เรายังไม่ได้โจมตี” โดยตอนนี้ สงครามยูเครนได้ดำเนินต่อเนื่องยาวนานมาเกิน 103 วันแล้ว และยังไม่มีทีท่าที่จะจบลงง่ายๆ
ที่มา: